ยามว่างในแบบ เก้า จิรายุ

ตัวตนที่คุณอาจไม่รู้ ในอีกมุมหนึ่งของหนุ่มเก้า จิรายุ ละอองมณี

 

ยังจำดาราหนุ่มกันนี้กันได้ไหมเอ่ย ที่เคยเห็นหน้าคร่าตาในผลงานแสดงมาตั้งแต่เด็กๆตัวเล็ก จนตอนนี้โตเป็นหนุ่มหล่อแล้ว แต่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงตัวตนจริงๆของน้องเก้า จิรายุ ว่าเขาหลงรักในเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ วันนี้Tickettail จึงถือโอกาสพาคุณมารู้จักตัวตนจริงๆของหนุ่มคนนี้ เรามาบุกถึงมศวกันเลย

IMG_1704

 

เรามาดูกันวันว่างๆของซุปตาร์ดาราหนุ่มน้อยที่คิวทองอย่างน้องเก้า จิรายุคน คนนี้ทำอะไรกันบ้าง
Tickettail:วันว่างๆคนดังอย่างน้องเก้า มีงานอดิเรกหรือชอบทำอะไรบ้างคะ?

เก้า:  ว่างๆก็แล้วแต่วันอะคับ ปกติก็เล่นบาส และดนดนตรีนิดหน่อยอะคับ คือส่วนใหญ่ผมจะแบบว่าเวลาทำงานไม่ใช่เวลาทั้งวัน บางทีมันก็แบ่งได้ ถ้าว่างทั้งวันเราก็มานั่งเขียนเพลง ช่วงนี้กำลังฝึกอยู่อะคับ
Tickettail: แล้วแนวดนตรีที่ชอบเป็นแนวประมาณไหนคะ?

เก้า: ก็จะชอบดนตรีเก่าๆอะครับ พวกAerosmith
Tickettail: น้องเก้าเรียนหนักแถมทั้งยังทำงานอีกมีวิธีแบ่งเวลายังไงบ้างคะ?

เก้า: บางทีเวลาก็ชนกันบ้างครับ แต่ก็พยายามแบ่งเวลาให้มันชนน้อยที่สุดอะครับ ส่วนความเครียดก็ไม่มีเท่าไหร่อะครับ เรื่องเรียนก็ไม่ได้หักโหมเกินไปอะครับ ผมก็ไม่ได้จะมาล่ารางวัล เอาเกียรตินิยม เอาให้มันดูดีหน่อยอะครับ ให้รู้สึกว่าเราก็ได้ช่วยเพื่อนอย่างน้อยสัก 1เปอร์เซนต์ก็ยังดี (หัวเราะ) อย่างน้อยก็เห็นว่าช่วยอะครับ เพื่อนผมก็ใจดี เรื่องเรียนไม่น่าเป็นห่วงอะครับ

 

Tickettail:ชอบไปงานพวกอีเว้นต์ หรือคอนเสริตบ้างไหมคะ?

เก้า: จริงๆผมชอบดูคอนเสริตนะคับ แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปไม่รู้ทำไม โอกาสไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะชอบคอนเสริตrock อะครับ
Tickettail: ถ้าน้องเก้ามีเพื่อนสนิทหรือคนพิเศษอยากมีกิจกรรมอะไรที่ทำร่วมกันบ้างไหมคะ?

เก้า: ผมว่าถ้าไปกับแฟนไปดูหนังก็พอแล้วครับ ชวนไปคอนเสริตคนมันเยอะเราต้องไปดูแล (จริงๆไม่อยากดูแล หัวเราะ) กลัวมีเรื่องด้วยเลยไม่ไปดีกว่า
Tickettail: คนรักที่บอกไปสักครู่นี้ ใช่คนที่พาไปเปิดตัวevent ที่โรงพยาบาลสัตว์รึเปล่าเอ่ย?

เก้า: ก็ส่วนหนึ่งครับ (เขิลซะแล้ว เลยหัวเราะกลบเกลื่อน)
Tickettail: เป็นที่ทราบกันดีว่าน้องเก้าได้มีผลงานเพลงหลายชิ้นอีกด้วย อย่างเช่น เพลง ทุ้มอยู่ในใจ เวอร์ชั่นacoustic  ได้ข่าวว่ายอดviewในyoutube ถล่มทลายเลย และไม่นานมานี้ก็มีซิงเกิ้ลแรกของตัวเอง “วินาทีเดียวเท่านั้น” อีกด้วย ตอนนี้จะมีซิงเกิ้ลออกมาอีกไหมคะ?

image008

 

เก้า: คือส่วนใหญ่มี่ทำไปเป็นพวกเพลงประกอบภาพยนตร์ ซี่รี่ย์ ก็จะมีเพลงวินาทีเดียวเท่านั้นที่เป็นเพลงจริงทำแยกออกมา ประมาณว่าเพลงส่วนใหญ่เขาทำเพื่อหนังไม่ใช่เพื่อนเรา แต่วินาทีเดียวเท่านั้นเขาก็แต่ให้เราโดยเฉพาะ  แต่งานต่อไปผมแพนไว้ว่าอยากจะเป็นงานที่เราทำเอง ก็อาจจะต้องทำในเรื่องกระบวนการเอง ให้เรารู้สึกว่าเราได้ทำ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่

 

Tickettail: ผลงานดนตรีที่ทำจะทำเป็นเดียวหรือกลุ่มคะ?

เก้า: คงทำเดียวก่อนอะครับ จริงๆก็อยากทำกลุ่มแต่ไม่รู้จะหาได้หรือเปล่า (หัวเราะ) พูดว่าเป็นเดี่ยวไปก่อนแล้วกันครับ
Tickettail: เคยทราบว่าน้องเก้ามีวงดนตรีเป็นของตัวเองด้วย ชื่อ วงไอดีคิด อยากทราบที่มาที่ไปว่าเป็นยังไงบ้างคะ?

เก้า: จริงๆก็เป็นแค่อัลบัมเด็ก อัลบัมหนึ่งที่ทำกับค่ายRS เมื่อตอนประถม เป็นเด็กมาร้องเพลง ประมาณเพลงฮิบฮอบที่เกี่ยวกับสวนสัตว์ ร้องเป็นไทยกับอังกฤษคำ ให้เด็กเรียนรู้วิชาเรียนอังกฤษผ่านเพลงอะคับ

image013

 

 

Tickettail: แล้วน้องเก้าเล่นดนตรีชนิดไหนในวงคะ?

เก้า: ผมเล่นกีต้าร์ได้อย่างเดียวอะคับ

Tickettail: ปัจจุบันน้องเก้ามีโอกาสได้เล่นหรือซ้อมดนตรีบ่อยไหม?

เก้า: ก็ซ้อมบ้างอะครับ ซ้อมสนุกๆ แต่ที่ทำก็คือเล่นและก็แต่งเพลงด้วย เป็นการซ้อมไปในตัว อยากทำเพลงให้ได้
Tickettail: มาถึงเรื่องงานแสดงบ้าง น้องเก้ามีผลงานแสดงหลายเรื่อง มีบทบาทไหนที่ตรงกับตัวตนเราจริงๆมากที่สุดไหมคะ?

เก้า: ถ้าตรงๆสุดไม่ค่อยมี อาจจะใกล้เคียงมากกว่า
Tickettail: แล้วตัวตนจริงๆของน้องเก้าเป็นยังไงบ้าง?

เก้า: มันจะมีหนังเรื่องใหม่ที่ตอนนี้ถ่ายเสร็จแล้วกำลังรอฉายอยู่ เรื่องโจหัวแตงโม เป็นหนังคอมเมดี้ เป็นบทนักสืบ(จริงๆแล้วชอบสืบหรือเปล่าเอ่ย) แต่คาแรกเตอร์ค่อนข้างตรงกับผม
Tickettail: อยากฝากผลงานอะไรกับแฟนๆผ่านทางทิคเก็ตเทลไหมคะ

เก้า:มีซิทคอม ออกวันอาทิตย์หรือเสาร์ เรื่องลูกพี่ลูกน้องช่อง9 ตอนเย็นประมาณ6โมง และเรื่องโจหัวแตงโม ของค่าย M39 ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วนนะครับ

 

image010

image012

1371490_10202096356347738_478923235_n

เบลล์ ภาสินี เจตพิพัฒนา น้องใหม่ค่าย Exact

 

พกพาความสดใส โก๊ะ มาพูดคุยกับเราในวันนี้และด้วยความโก๊ะแบ๊วของเธอ แฟนๆที่ติดตามอยู่ก่อนแล้วในโซเชียวเน็ตเวิร์ค เลยเอามาตั้งชื่อ FanPage ให้ซะเลย เลยเป็นที่มาของเพจ“Bell Baew”

อย่ารอช้า เรามาทำความรู้จักน้องเบลล์ นิสิตจากรั้วเทาแดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กันเลยดีกว่า

 

bell

ทิคเก็ตเทล : เบลล์เรียนคณะอะไรอยู่คะ
เบลล์ : เบลล์กำลังจะขึ้นชั้นปีที่สอง วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม สาขาการแสดงและกำกับภาพยนตร์คะ ที่เลือกเรียนการแสดงเพราะ เมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่มัธยมนะคะ เบลล์ได้มีโอกาสได้ทำงานในวงการบันเทิงเล็กๆน้อยๆ เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และเหมาะกับเรา และชอบภาพยนตร์ อยากศึกษาพวกเบื้องหลังด้วยคะ ^ ^ (ยิ้มสดใสเชียว เชื่อแล้วจ้า ว่าชอบจริงๆ)

ทิคเก็ตเทล : แสดงว่าชอบดูหนัง ?
เบลล์ : ใช่คะ ถือว่าเป็นงานอดิเรกเลยก็ว่าได้ เพราะว่างเมื่อไหร่ก็เข้าห้างดูหนังตลอด เป็นกิิจกรรมที่บันเทิงและไม่ร้อนด้วยค่ะ ( ฮ่าๆๆๆ ทำหน้าเจ้าเล่ห์มั่กๆ)

image004

ทิคเก็ตเทล : ชอบหนังแนวไหนที่สุด ?
เบลล์ : เบลล์ดูได้ทุกแนวเลยคะ แล้วแต่อารมณ์  แต่ถ้าบ่อยสุดก็จะเป็นพวก sci-fi เบลล์ชอบหนังที่มันๆ ดูล้ำๆ มันทำให้เรามีจินตนาการดีคะ^ ^

ทิคเก็ตเทล : ทำไมเพื่อนๆเรียกว่าเบลล์แบ็ว ?
เบลล์ : อ๋อ ฮ่าๆ (ขำนำมาเชียว) ก็คือว่า เบลล์เป็นคนอารมณ์ดีมั้ง พูดเก่ง เข้ากับคนง่าย โก๊ะๆหน่อย เขาเลยเรียกเบลล์แบบนั้น  (ขอการันตีว่าขอนี้จริงคะ น้องเบลล์น่ารักมากเป็นกันเองสุดๆ ขนาดเราเจอกันครั้งแรกนะเนี่ย)

ทิคเก็ตเทล : ตอนนี้มีผลงานอะไรอยู่บ้างคะ
เบลล์ : มีถ่ายแบบ ถ่ายแมคกาซีน คะ (ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มเก่งจริงๆเลย น้องเบลล์แบ๊ว ฮ่าๆ)

แล้วก็กำลังจะมีผลงานกับทาง Exact แต่ว่าจะเป็นอะไรนั้นขออุบไว้ก่อน ยังไงลองติดตามดูนะคะ

ทิคเก็ตเทล : น้องเบลล์มีงานอดิเรกอะไรบ้างคะ ?
เบลล์ : หลักๆก็จะเป็นดูหนัง เพราะเย็นดี ฮ่าๆๆ แต่นอกจากดูหนังก็ชอบร้องเพลงนะ ถ้าไม่ร้องคนเดียว ก็ไปคาราโอเกะกับเพื่อน แต่ไม่เน้นเพราะนะคะ! เน้นมันส์  ^0^

ทิคเก็ตเทล : อย่างงี้น้องเบลล์ทั้งเรียนด้วย ทั้งทำงานไปด้วย มีวิธีแบ่งเวลาอย่างไรคะ ?
เบลล์ : เราก็ต้องถามเขาเลยว่า เนี่ย ช่วงนี้นะ ช่วงนี้นะ คือเขาจะต้อง Fix มาให้เราเลย แล้วก็ต้อง sync ตามเวลาเรียนเราด้วย

ทิคเก็ตเทล : ให้เรื่องเรียนมาก่อนเลยใช่ไหมคะ ?
เบลล์ : ช่าย ^ ^

ทิคเก็ตเทล : ทั้งเรียนด้วยทั้งทำงานด้วย แบบนี้น้องเบลล์มีวิธีคลายเครียดอย่างไรบ้างคะ ?
เบลล์ : ก็พวกไปร้องเพลง ไปเที่ยวกับเพื่อน หรือแบบ เราเป็นคนชอบไปเดินทาง ไปป่าก็มี(ฮ่าๆ) ล่าสุดก็ไปน้ำตกสาวิกา ไปถ่ายงานของรุ่นพี่ที่มหาลัย ได้ใส่ชุดราตรีปีนน้ำตก แบบว่าลุยมากๆ แต่มันส์ดีคะ ชอบบบบ

ทิคเก็ตเทล : ได้ข่าวว่ากระโปรงหลุด!
เบลล์ : เอ่อ(ฮ่าๆ) เกือบคะ แค่เกือบคะ

image006image008
ทิคเก็ตเทล :  แล้วปกติชอบไปงานอีเว้นท์ไหมคะ เช่นคอนเสิร์ต ?
เบลล์ : ชอบดูถ่ายทอดทางทีวีอยู่ที่บ้านมากกว่า เพราะที่บ้านก็ไม่ค่อยอยากให้ไป เราเป็นผู้หญิง เขาก็จะเป็นห่วง

ทิคเก็ตเทล :  แสดงว่า ส่วนมากกิจกรรมที่ทำ จะทำที่บ้านซะส่วนใหญ่?
เบลล์ : ใช่ค่า ก็จะหากิจกรรมทำที่บ้าน หรือว่าที่ใกล้ๆ

ทิคเก็ตเทล : ถ้ามีคนพิเศษ น้องเบลล์อยากจะชวนให้เขาทำกิจกรรมอะไรคะ ?
เบลล์ : จริงๆเบลล์ชอบเข้าวัดนะ ทำบุญ ก็คงชวนเขาไปทำบุญ ^ ^ (โถ แม่คุณ สวยทั้งข้างนอก ทั้งข้างในจริงๆ)

 

image010

 

ทิคเก็ตเทล : เพิ่งเข้ามามหาลัย ปี 1 น้องเบลล์มีการปรับตัวอย่างไรคะ ?
เบลล์ : อ่อ จากที่อยู่มัธยม เข้ามาในระดับอุดมศึกษา อย่างแรกก็คือมารับน้องคะ ถ้าว่างก็คือจะมาตลอด เพราะไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเราขี้เกียจ มาร่วมกิจกรรมกับเขา ช่วยเพื่อนทำงานคณะ มันก็ช่วยในเรื่องการปรับตัว พอมาเรียนเราก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ต้องศึกษาเอง ไม่เหมือนมัธยมที่ชิวๆ ไปโรงเรียนไปแอบหลับในห้องเรียน พกหมอนกับผ้าห่มไปด้วย แต่พอมหาลัย ก็ไม่ได้ละ เอาตุ๊กตามาก็ไม่ได้

ทิคเก็ตเทล :  อยากให้น้องเบลล์แนะนำน้องๆที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยหน่อยคะ  ?
เบลล์ : อยากให้ลองศึกษาดูดีดี ว่าเอกที่เราอยากเรียนนั้น จริงๆแล้วเขาเรียนอะไรกันบ้าง สอบอย่างไร จากนั้นเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับข้อสอบ ขอบอกว่าข้อสอบเดี๋ยวนี้ยากมากคะ  ความรู้รอบตัวก็สำคัญมากๆคะ

ทิคเก็ตเทล : ฝากผลงานให้เพื่อนๆทิคเก็ตเทลหน่อยคะ น้องเบลล์?
เบลล์ : ต้องนี้ก็มีถ่ายโฆษณาไป 1 ตัวแต่ยังบอกไม่ได้ ฮ่าๆ แต่ใกล้แล้วคะ รอติดตามนะคะ

 

เพื่อนๆ สามารถติดตามเธอความสดใส โก๊ะๆของเธอได้ดีโดยผ่าน Fanpage
https://www.facebook.com/beawbelles.pasinee?fref=ts รับรองว่าโลกทั้งใบจะเป็นสีชมพูจ้า­

โอ๋-ดูบาดู ผู้ชายอารมณ์ดี เวลาว่างเขาทำอะไรนะ?

วัันนี้ Tickettail จะพาทุกๆคนมาพบกับโปรดิวเซอร์มือทองคนหนึ่งของวงการเพลงไทย พี่โอ๋-เจษฎา สุขทรามร หรือ พี่โอ๋-ดูบาดู เรียกได้ว่าเป็นคนที่งานยุ่งรัดตัวอยู่ตลอดเวลา เราเลยจู่โจมบุกมาคุยกับพี่โอ๋ถึงในห้องอัด!

 

หลายๆคนอาจจะรู้จักพี่โอ๋ในนามของ พี่โอ๋-ซีเปีย แล้วได้มาเห็นผลงานเบื้องหน้าคู่กับ ลูกหว้า-พิจิกา ภายใต้วงดูบาดู แต่หลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นตัวพ่อของผลงานเบื้องหลังเลยก็ว่าได้ พี่โอ๋-เจษฎาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับค่ายเพลงและศิลปินมากมาย เช่น โลโซ, นิโคล เทริโอ, รัดเกล้า อามระดิษ, ธงไชย แมคอินไตย์, ใหม่ เจริญปุระ, สุเมธ แอนด์ เดอะ ปั๋ง เป็นต้น

 

นอกจากนี้ยังเป็น Music Director ผลิตคอนเสิร์ตให้กับศิลปินมากมาย เช่น ฟอร์ด, โบ สุนิตา, พีซเมคเกอร์, เบิร์ด กะ ฮาร์ท, อีโบลา, โมเดิร์นด็อก, บิ๊กแอส, บอดี้แสลม, แบล็กเฮด, อพาร์ทเม้นท์คุณป้า และอีกมากมาย และปัจจุบันเป็น Music Director ให้กับค่ายเพลงสนามหลวง


โอ๋
-เจษฎา สุขทรามร (โอ๋ Doobadoo)

 

image011 (1)

 

 

Tickettail: ปกติเป็นคนชอบทำกิจกรรมบ้างมั้ยคะ เช่น เล่นกีฬา กิจกรรม outdoor

 

โอ๋: กิจกรรม outdoor แต่ก่อนชอบครับ แต่หลายปีมานี้น้อยลง แต่ก่อนก็จะไปว่ายน้ำ… ว่ายน้ำทะเล อยู่เกาะ7 วัน ไม่กลับบ้าน อะไรอย่างนี้อ่ะครับ (อินดี้สุดๆ!) ว่ายน้ำข้ามเกาะ มีชูชีพหนึ่งอันกันตาย

 

Tickettail: คลุกคลีอยู่กับวงการดนตรีมาก็นาน ปกติชอบไปงานคอนเสิร์ตบ้างมั้ยคะ

 

โอ๋: มันแบ่งได้เป็น 2 แบบนะ… คือ ถ้าเป็นงานที่ต้องทำเอง เป็นอาชีพคนจัดคอนเสิร์ตน่ะ ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องไป (หัวเราะ) อีกแบบนึงคือแบบ… ถ้ามีของดีๆของต่างชาติที่เราเป็นแฟนเพลงเค้าหรือต้องการไปศึกษาเค้า เราก็จะไป ได้ความสนุกด้วย ได้เรียนรู้ด้วย ได้ทำงานไปในตัวด้วย

 

Tickettail: มีวิธีพักผ่อนฟื้นฟูกำลังตัวเองยังไง

 

โอ๋: มีหลายแบบนะ ถ้าทำงานมากๆอดนอน… ก็นอน ฮ่าๆๆ หรือถ้าทำงานมากๆแล้วทานแต่อาหารกล่องติดต่อกันทุกมื้อ ก็ชดเชยด้วยการไปทานอะไรที่อยากทาน หลายๆคนที่เค้าทำงานคล้ายๆพี่เค้าก็ทำแบบนี้กัน หรือว่าถ้าอุดอู้อยู่กับเวทีคอนเสิร์ตนานๆ ก็ออกไปเจอธรรมชาติ นี่คือเรื่องปกติ

 

ของพี่อาจจะแตกต่างไปนิดคือ พี่เป็นคนชอบดนตรีหลายแนว ดังนั้นถ้าวันนี้พี่ทำงานให้กับวงดนตรีวงนึงซึ่งเป็นวงร็อค วันรุ่งขึ้นพี่ก็อยู่บ้านทำดนตรีอีกแบบนึง… อาจจะเป็นไทยเดิมไปเลย เพราะงั้นพี่ถือว่าการเปลี่ยนรูปแบบดนตรีของงานที่ทำก็เป็นการพักผ่อนอย่างนึง แล้วก็เหมือนกับได้งานเพิ่มด้วย สนุกด้วย เป็นวิธีที่ใช้อยู่เรื่อยๆครับ
image012 (5)


Tickettail:
 เมื่อกี้เห็นบอกว่าจะออกไปดูธรรมชาติบ้าง ธรรมชาติเช่นอะไรบ้างคะ?

 

โอ๋: ก็หลายแบบ… ถ้าล่าสุดไปทะเลมา เราก็อยากไปภูเขา หรือถ้าเราเพิ่งไปภูเขามา เราก็ต้องอยากไปทะเล ต่อให้มันจะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวของมันก็ตาม มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละครับ เช่น ถ้าเราทานแป้งเยอะ ทานแป้งเยอะ ทานแป้งเยอะ (เห็นภาพเลยว่าเยอะจริง -__-;;) ระบบในร่างกาย ถ้าพูดได้มันก็คงจะบอกว่า “ฉันอยากกินผลไม้ ฉันอยากกินน้ำมะพร้าวจากลูกมะพร้าวจริงๆ ไม่ใช่น้ำมะพร้าวที่ตักจากขวดโหล ฉันรู้สึกว่าฉันอยากจะกินผักเยอะๆ อยากกินหาอาหารทะเล” อะไรแบบนี้

 

อย่างช่วงนี้ก็อยากไปทะเล บางทีมันไม่ใช่ฤดูที่คนไป แต่เราอยากไป มันคือสิ่งที่ร่างกายได้เตือนแล้วว่าคุณห่างทะเลมานานมากเกินไปแล้วล่ะ ควรจะไปหามันหน่อย เพราะฉะนั้นแต่ละครั้ง แต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน คนบางคนที่บ้านเขาอยู่ทะเล เขาก็คงอยากไปเที่ยวที่อื่นที่ไม่ใช่ทะเล หรือคนบางคนที่เกลียดแสงแดดร้อนๆ อย่างพวกผู้หญิงที่กางร่มเดินชายหาดตอน 5 โมงเย็นน่ะ (หัวเราะ) เค้าก็คงจะไม่ไปทะเล

Tickettail: แล้วช่วงวันหยุดเทศกาลเช่นปีใหม่ พี่โอ๋มักไป vacation ที่ไหนรึเปล่าคะ?

 

โอ๋: อยู่บ้าน อยู่กรุงเทพ เพราะปีนึงจะมีสองครั้งคือปีใหม่กับสงกรานต์ ที่ขับรถจากรามอินทราไปห้างแถวสุขุมวิทแล้วถนนว่างมาก ไปห้างแล้วก็ไปเดินเหมือนเราเป็นเจ้าของห้าง สัก 11 โมงอ่ะ เจ๋ง (ชูนิ้วโป้งประกอบ)

 

Tickettail: พี่โอ๋ทำงานโปรเจ็คใหญ่ๆอยู่ตลอด ถ้าเจอกับภาวะเครียดจากงาน มีวิธีคลายเครียดยังไงคะ?

 

โอ๋: มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับหัวข้อของการเครียดด้วยครับ เช่น ถ้าเจอกับเพลงแบบเดียวกันซ้ำๆ ซ้ำๆ การไม่ฟังอะไรเลยระหว่างขับรถไปทำงานกับขับรถกลับบ้าน มีแต่เสียงเงียบๆกับเสียงเครื่องยนต์ เสียงรถบนถนน มันก็คลายเครียด เหมือนได้พักผ่อนจากสิ่งที่เราต้องเจอมันมามากๆได้เหมือนกัน

 

หรือสมมุติว่า ขณะที่ทำคอนเสิร์ต ทุกคนก็จะวุ่นกับสิ่งนู้นสิ่งนี้ รู้สึกวุ่นวาย รู้สึกว่าฉันเจอคนเยอะไปละ บางทีพี่ก็แอบขึ้นไปห้องชั้น 3 ของหอประชุมที่ถูกลืมที่ไม่มีใครรู้ว่ามีห้องนี้อยู่ด้วย (แต่บังเอิญพี่รู้) พี่ก็จะขึ้นไปเปิดแอร์ นอนคนเดียวในห้องนั้น สัก 15 นาที ก็ช่วยได้มากนะครับ
image007

หรือบางทีทำคอนเสิร์ต เราจะได้ยินเสียงที่ดังมากๆอยู่นานมาก แล้วถ้าเป็นช่วงที่เค้ากำลัง set up เวที set upลำโพง หรือซ้อมดนตรี เสียงบางทีมันจะยังไม่เพราะมาก ถ้าใครได้ไปเห็นพี่ทำคอนเสิร์ต โดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่ไม่ใช่พวก easy listening ก็จะเห็นพี่ใส่ ear plugs ที่หู ซึ่งคุณหมอก็แนะนำให้ใส่นะ เวลาขึ้นเครื่องบินแล้วนอนไม่หลับ หรือสำหรับคนที่ทำงานในโรงงาน พี่ก็จะใส่ไอ้นี่แหละ เดินตลอด ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน ซึ่งคนเค้าก็จะสงสัยว่าใส่ทำไม คือบางทีพี่ได้ยินเสียงดังมากๆแล้วพี่ล้า พี่ก็ใส่มัน… แต่ถ้าใครถามพี่ก็จะบอกว่า “กูไม่อยากได้ยินเสียงมึง” (หัวเราะ)

 

อีกอย่างที่ช่วยได้คือการพูดจาแบบเมื่อกี้อ่ะ เวลานึกเรื่องตลกๆขึ้นมา เอามาแซว เอามาล้อกัน มันก็เฮฮาสนุกดีนะ อย่างบางทีจะมีน้องผู้หญิงที่เขาจะพก percussion ที่เป็นรูปแอปเปิ้ล รูปกล้วย น่ารักๆ เราเห็นก็น่าแกล้ง เลยเอาแอปเปิ้ลจริงไปวางแทน percussion พอถึงเวลาซ้อม เค้าก็เขย่าแล้วก็เหวอ… ทำไมไม่มีเสียง… อ้าว ของจริงนี่ อะไรแบบนี้ แกล้งกันขำๆ ก็สนุกดีครับ ช่วยคลายเครียดได้เยอะ ^^

 

 

image014 (3)
ได้เคล็ดลับคลายเครียดและวิธีพักผ่อนมาเยอะเลย นับได้ว่าพี่โอ๋เป็นบุคคลที่มีความยืดหยุ่นหรือ flexible มากคนหนึ่ง อย่างที่พี่โอ๋ว่าแหละค่ะ ถ้าเราทำอะไรนานๆมากๆ จิตใจเราก็คงร้องเรียกให้ไปทำอย่างอื่นบ้าง เพราะฉะนั้นใครที่กำลังเบื่อๆจากงาน ก็ลองมาหาอะไรใหม่ๆทำได้ที่เว็บไซต์ Tickettail ของเรานะคะ

ยามว่าง Celeb Style – มาเรียม B5

อีกหนึ่งสาวเสียงเทพของวงการเพลงบ้านเรา  ได้มีโอกาสเจอทั้งที Tickettail เลยไม่พลาดที่จะชวนเธอมาพูดคุยให้หายคิดถึง

image009

 

Tickettail: มาเรียมเริ่มร้องเพลงตั้งแต่เด็กเลยรึเปล่า?

มาเรียม: ใช่ค่ะ จริงๆก็ร้องเพลงเล่นๆมาตั้งแต่เด็กๆ แต่มาเริ่มจริงจังตอน 9ขวบ เริ่มเข้าวงประสานเสียงที่โรงเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มจริงจังกับการร้องเพลงมาตลอด

 

Tickettail: ทำไมถึงสนใจด้านการร้องเพลงครับ? ที่บ้านส่งเสริมอยากให้เรียน หรือว่าเราไปเห็นมาแล้วสนใจอยากเรียนเอง?

มาเรียม: สนใจเองค่ะ ต้องบอกก่อนว่าต้นตระกูลแบบรุ่นทวดเลยเนี่ย เป็นคนต่างจังหวัด เป็นระยอง คุณตาทวดกับคุณยายก็จะร้อง “แหล่” ได้ ที่เขาร้องกันในพิธีทำขวัญนาคน่ะค่ะ แต่พอมารุ่นแม่ก็ร้องไม่ได้เลย รุ่นเราเองก็ร้องไม่ได้ (หัวเราะ)

แต่ก่อนเราก็ชอบเต้นชอบเล่น ไม่ได้สนใจร้องเพลง แล้ววันหนึ่งครูก็มาถามในห้องน่ะค่ะว่ามีใครสนใจเข้าวงประสานเสียงมั้ย เราก็ยกมือ แต่ก็ไม่รู้ว่ายกทำไม (หัวเราะ) รู้สึกว่าสงสารครู อยากช่วย ยกมือไว้ก่อนก็ได้ แล้วด้วยความที่เรารักษาคำพูดมากตั้งแต่เด็ก เราก็เลยไปเทสต์เสียง เข้าวงประสานเสียง ฝึกร้องจริงจัง เพราะเราเข้ามาแล้ว เราอยู่กันเป็นวงน่ะค่ะ

 

Tickettail: แล้วเริ่มต้นเข้าวงการมาอย่างไรครับ?

มาเรียม: ก็มีไปประกวดร้องเพลงนะคะ แล้วตอน ม.4 ที่โรงเรียนเค้าต้องให้เลือกสายน่ะค่ะ พวกวิทย์-คณิต ศิลป์-ภาษา อะไรพวกนี้ แล้วตอนนั้นเรียมก็บอกแม่ว่า “หนูไม่อยากเรียนสักอย่างเลยค่ะ” คือ เราชอบภาษานะ แต่ศิลป์-ภาษาเขาก็ไม่ได้จริงจังกับภาษาขนาดนั้น เลยบอกแม่ว่า “หนูอยากเข้าโรงเรียนดนตรี”

ตอนแรกแม่จะส่งเข้านานาชาติ แต่เรายืนยันว่าเราจะเข้าโรงเรียนดนตรี เพราะเราชอบทางนี้ ก็เลยไปหาโรงเรียนที่เมืองนอก ประเทศอเมริกาก็ไม่มีนะ เค้าไม่รับนักเรียนต่างชาติตอนไฮสคูล ก็มีวันนึงไปสยาม เจอผู้หญิงฝรั่งสองคนกำลังหาซีดีเพลงอะไรไม่รู้ แล้วเค้าสื่อสารกับคนขายไม่รู้เรื่อง เค้าก็เลยร้องเพลงนั้นออกมาเลย แล้วมันเพราะมากๆ เรียมก็เลยหันไปหาเค้าแล้วบอกว่าร้องเพลงเพราะจัง เค้าก็บอกว่าเค้ามาจากออสเตรเลีย มาเล่นที่โรงแรมแถวนี้ เป็นวงผู้หญิงห้าคน เราก็ถามเค้าว่าที่ออสเตรเลียที่โรงเรียนดนตรีมั้ย แล้วเค้าก็เลยจดที่อยู่โรงเรียนมาให้เรา บอกว่าให้เราไปลองดู เราก็รีบกลับบ้านไปเสิร์ชเลย จำได้ว่าตอนนั้นเพิ่งได้คอมฯมา  เพิ่งหัดเล่นเน็ต เข้าเว็บ เราก็เสิร์ชหาข้อมูลติดต่อโรงเรียนเอง พ่อแม่ไม่รู้เรื่องเลย ทางนู้นก็ส่งเอกสารใบสมัครมาให้เยอะมาก แล้วต้องออดิชั่นด้วย ทำเทป ตรงจุดนี้ก็เลยเริ่มปรึกษาแม่ แม่ก็เริ่มมีส่วนร่วม (หัวเราะ) แล้วพอเข้าได้ก็ไปอยู่ออสเตรเลียตั้งแต่ตอนนั้น เรียนจบม.6 ด้านดนตรี มหาลัยก็ด้านดนตรี (หัวเราะ)


Tickettail
: โรงเรียนที่นั่นมีคอร์สอะไรบ้างครับที่รู้สึกว่าดีจังเลย?

มาเรียม: ข้อดีของโรงเรียนแบบนั้นคือมันก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนพื้นฐานอย่างอื่นพวกคณิตหรือภาษาหรือวิทย์ คือเราก็เรียนพวกนั้นได้ ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง แต่เราชอบดนตรีมากกว่า โรงเรียนพวกนี้เค้าก็จะให้เรียนพวกวิชาพื้นฐานแค่ครึ่งวัน ส่วนเวลาที่เหลือก็ปล่อยให้เราซ้อมดนตรี ทำในสิ่งที่เราอยากทำ แต่ข้อเสียคือการแข่งขันมันสูงมาก แล้วตอนนั้นเราไม่รู้ อยู่เมืองไทยก็มีหลายคนชมว่าเราเก่ง แต่พอไปอยู่นู่นเราเทียบกับเด็กฝรั่งที่นู่นแทบไม่ได้เลย เพราะพวกเค้าเก่งมาก แต่มันก็ทำให้เราต้องรีบดีดตัวเองขึ้นมาให้เทียบกับเค้าให้ได้

image011 (3)


Tickettail
: ด้วยความแตกต่างทางกายภาพของคนเอเชียกับพวกฝรั่งเนี่ย มันทำให้เราเสียเปรียบอะไรเค้ามั้ยครับ ด้านการร้องเพลงอะไรพวกนี้?

มาเรียม: ก็จริงๆแล้วเรื่องกะโหลกอะไรอย่างนี้ มันมีความแตกต่างอยู่แล้ว การทำให้เสียงก้อง เรื่องจมูก อะไรทุกอย่าง แต่ถ้าเราตั้งใจ เราสามารถหาแนวที่เป็นเราได้ เราไม่จำเป็นที่จะต้องไปโหวกเหวกแบบ Mariah Careyเราก็ต้องหาแนวที่เหมาะกับเราเข้ากับตัวเรามากที่สุด ซึ่งคนไทยติดอยู่อย่างนึงคือ ชอบเข้าใจว่าคนที่ร้องเพลงเสียงสูงและเสียงดังคือคนร้องเพลงเก่ง ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ คนอย่างพี่ลุลาร้องแนวนั้นของเค้าก็เพราะ เพราะมันเป็นแนวเค้า เค้าไม่จำเป็นต้องไปโหวกเหวกแข่งกับใคร

ถ้าเราร้องเสียงดังเสียงสูงไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องหมดกำลังใจ เพราะนั่นอาจไม่ใช่ตัวตนของเรา เราควรจะหาเอกลักษณ์ของเราดีกว่า อย่าไปพยายามเหมือนใครอ่าค่ะ


Tickettail
: ถ้าคนทั่วไป น้องๆอะไรแบบนี้ สนใจอยากจะร้องเพลง มีคำแนะนำอะไรมั้ยครับ?

มาเรียม: ก็ไปหาที่เรียนเบื้องต้น หาครูดีๆ เรียนเรื่องเทคนิคพื้นฐานพวกนั้นได้ แต่เรียนพวกนั้นไม่ใช่การเรียนเพื่อหาตัวเรา เพราะแบบนั้นใครๆก็เรียนได้ แต่การเป็นตัวตนของเราได้ มันไม่มีใครสอนมาสอนเทคนิคการหาตัวตนของเราได้หรอก แต่อาจจะมีคนคอยแนะนำอะไรบ้าง เราก็ฟังไว้ค่ะ แต่อย่าไปเลียนแบบ เราต้องค่อยๆหาตัวตนของเราด้วยตัวเราเอง

อย่างตัวมาเรียมเอง คือตอนมหาลัยจะมีอยู่วิชานึงที่เค้าให้ร้องเพลงเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ เราก็เปล่งเสียงร้องของเราปกติโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่ามันเป็นเอกลักษณ์ จนอาจารย์ได้ยิน เค้าก็สั่งให้ทุกคนหยุด แล้วถามเราว่าเราร้องเสียงแบบนั้นบ่อยมั้ย เราก็ เอ๊ะ ไม่รู้เหมือนกัน… เค้าก็เลยแนะนำว่าตรงนั้นเป็นเอกลักษณ์ของเธอนะ เธอควรจะลองศึกษาดูนะว่าเธอทำอะไรกับเสียงตรงนั้นของเธอได้บ้าง

image004 (11)

 


Tickettail
: มาเรียมมีวิธีซ้อม มีวิธีดูแลตัวเองยังไงครับ?

มาเรียม: การดูแลตัวเองสำคัญเลยค่ะ ควรออกกำลังกาย แต่มาเรียมไม่มีเวลาออกกำลังกาย (หัวเราะและทำหน้ารู้สึกผิด) ก็ซ้อมร้องเพลง วอร์มเสียง ที่สำคัญคือต้องมีวินัย มาเรียมยอมรับว่าตัวมาเรียมเองขี้เกียจวอร์มเสียง ซึ่งไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างเลยค่ะ (หัวเราะ)

จริงๆสนับสนุนให้น้องๆหรือคนอื่นๆวอร์มเสียงอย่างสม่ำเสมอนะคะ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีแอพพลิเคชั่นในไอโฟน มันยิ่งทำให้เราสะดวกขึ้น ก็แค่วอร์มเสียงไล่ตัวโน้ต อะไรแบบนี้ พยายามกำหนดเสียงไม่ให้มันแตก ให้มันเนียนระหว่างโทน มันสำคัญมากนะ


Tickettail
: ถามเรื่องร้องเพลงมาก็เยอะแล้ว ส่วนตัวมาเรียมเองมีกิจกรรมยามว่างที่ไม่ใช่แนวดนตรีมั้ยครับ?

มาเรียม: จริงๆแล้วก็น่าจะอยู่ในแนวดนตรีนั่นแหละ ชีวิตเราอยู่กับพวกนี้ ชอบดูคอนเสิร์ตดีๆของศิลปินที่เราชอบ ส่วนใหญ่ก็ไปฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ เดินเรื่อยเปื่อยอ่ะ นั่งรถไฟใต้ดินไปเดินเล่นแถวสาทร (หัวเราะ) ถ่ายรูปเล่น ดูเมือง ทำตัวเหมือนชาวต่างชาติเลย (หัวเราะ) ไปปลดปล่อยตัวเอง ให้เรามีอิสระมากขึ้น เพราะกรุงเทพฯคนเยอะแออัด เราก็เลยเดินเรื่อยเปื่อยแบบสบายๆช้าๆดีกว่า แล้วมองสังเกตคนอื่น แล้วมันจะทำให้เรามีสมาธิในการทำงานในการซ้อม

ส่วนหนังสือที่ชอบอ่านเพราะว่ามันจะเป็นการช่วยเราฝึกสมาธิเหมือนกัน มาเรียมชอบอ่านหลายแนว แต่จะชอบแนวเรื่องจริง non-fiction มากกว่า แล้วก็เรื่องพวกสงครามโลกครั้งที่ 2 เงี้ย ชอบมาก (หัวเราะ) อ่านประวัติศาสตร์ ชีวิตคนอื่นที่มันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเราอินกับมันมาก น้ำตานองหน้าก็มีค่ะ (หัวเราะ)

 

สองสาวพี่น้อง ไวโอลิน-เชลโล่ขั้นเทพ แห่งฟุตปาธแฟมิลี่ กับมุมฮาๆรั่วๆ ที่ทำให้คุณยิ้มได้


มีโอกาสได้ตามมาดูสองสาวทายาทฟุตปาธเล่นเครื่องดนตรีคู่กายแบบสดๆ Tickettail ก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปนั่งจับเข่าเม้าธ์มอยกับสาวๆเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของเธอทั้งคู่นะคะ (ถึงจะมีเคลิ้มๆจนเกือบลืมสัมภาษณ์ไปบ้าง อิอิ)

 
image021


ช่างน่าแปลกใจที่ทำไมทุกคนถึงเรียกสองสาวดูโอ้คู่นี้ว่า ปิ๊ก-เปรียว แต่ไม่ใช่ เปรียว-ปิ๊ก ทั้งๆที่คนพี่ชื่อเปรียว คนน้องชื่อปิ๊ก แต่ถึงยังไงก็ตาม อย่ารอช้า ให้เธอทั้งสองแนะนำตัวกันหน่อยดีกว่าค่ะ


เปรียว
: เปรียว ฟุทปาธทรีโอ้นะคะ (คนกลาง) เล่นไวโอลินค่ะ เป็นพี่สาว (ยิ้ม)

ปิ๊ก: ปิ๊กค่ะ (คนขวา) เล่นเชลโล่ (ยิ้ม)

image004 (10)


Tickettail
: ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นคลิปในยูทูปมาแล้วแหละ แล้วเชื่อว่าหลายๆคนก็รู้จักแล้วด้วยว่ามีพี่น้องสองสาวไวโอลินขั้นเทพอยู่ อยากทราบว่าเล่นไวโอลินเชลโล่มาตั้งแต่เด็กเลยรึเปล่าคะ หรือว่าเรียนตอนโตคะ?

เปรียว: คือเราสองคนเล่นเปียโนมาก่อน ตั้งแต่ตอน 7 ขวบ เนอะ (หันไปถามหน้าน้องสาว) แต่ก็ยังไม่ได้เก่งอะไร เหมือนเรียนเป็นพื้นฐานมากกว่า (พูดพร้อมกัน) แล้วพอเปรียวอายุประมาณ 10 ขวบก็เริ่มเล่นไวโอลินเพราะได้ไปเห็น Vanessa Mae ตอนนั้นเค้าดังมาก จุดประกายเราเลย เราอยากเป็นได้อย่างคนนี้ ก็เลยไปเริ่มเรียนไวโอลินตั้งแต่นั้นมาเลยค่ะ พอได้เริ่มเรียนก็รู้สึกรักมันชอบมัน ยิ่งซ้อมยิ่งได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ จนมุมานะเรียนจนตอนนี้ก็จบปริญญาโทด้านไวโอลินแล้ว (หัวเราะ)

image006 (7)


ปิ๊ก
: ของปิ๊กก็เหมือนกัน คือเรียนเปียโนพื้นฐานมาก่อน เรียนกันคนละปี พี่เปรียวเค้าก็ต่อไวโอลินเลย แต่ปิ๊กไปเล่นเครื่องเป่าก่อน เป็นปิคโคโล(piccolo) อ่าค่ะ เป็นฟลุทตัวเล็ก จริงๆอยากเล่นฟลุทแหละ แต่ตอนนั้นยังเด็กอยู่ นิ้วสั้น กดไม่ถึง (หัวเราะ) ก็เลยเอาตัวที่มันเล็กกว่า พอเล่นปิคโคโลไปได้สักพักก็อยากลองเล่นอย่างอื่นอีก ก็ไปเจอเด็กญี่ปุ่นประมาณ 5 ขวบเค้าเล่นเชลโล่ ผู้หญิงด้วย! (ทำหน้าประทับใจ) เลยรู้สึกว่าเท่ห์จังเลย อยากได้อย่างนั้น ก็เลยขอพอเรียนเชลโล่ แล้วพอดีว่ามันเข้าคู่กับไวโอลินพอดีด้วย ก็เลยเล่นตั้งแต่ตอนนู้นนนน ประมาณ ป.5 อ่าค่ะ จนตอนนี้ก็อยู่ปี 4แล้ว ที่ศิลปกรรมจุฬาฯ เอกเชลโล่ จะจบแล้ว (หัวเราะ)

image008 (6)image010 (4)


Tickettail
: กว่าเล่นได้เชี่ยวชาญขนาดนี้เราต้องฝึกซ้อมหนักมั้ยคะ?

เปรียว: จริงๆคือเรารักในสิ่งนี้ แล้วเราหาเวลาว่างซ้อมมันได้ตลอดอยู่แล้วค่ะ อย่างเปรียวเรียนดุริยางค์ที่มหิดลเงี้ย เวลาซ้อมเค้าจะให้เต็มแบบเกินครึ่งด้วยซ้ำของวิชาเรียน วิชาการเราก็เรียนแต่เค้าไม่ได้เน้น เราก็เลยแบ่งเวลาซ้อมได้ง่ายขึ้น พอว่างปุ๊บเราก็มาแตะไวโอลินวันละ 2-4 ชั่วโมงอ่าค่ะ


Tickettail
: นอกจากดนตรีแล้ว เวลาว่างๆชอบทำอะไรคะ?

เปรียว: ถ้าว่างจากดนตรีแล้วเราก็ทำอะไรไร้สาระเลย เนอะ (หันไปมองหน้าน้องสาวแล้วหัวเราะพร้อมกัน)

ปิ๊ก: ก็เหมือนคนทั่วไป อ่านนิยายออนไลน์ นั่งเล่นเฟซบุ๊ค ชอบมากสุดคือไปดูหนังค่ะ อย่างงานหนังสือเราก็ไปกันทุกปี เนอะ (หันไปมองหน้าพี่สาว) ปีละหลายครั้ง ก็จะเจอเราทุกครั้ง (หัวเราะ)

เปรียว: อย่างเปรียวจะชอบอ่านหนังสือ แนวสืบสวนสอบสวน ฆาตกรรม (หัวเราะ) นิยายรักก็อ่าน อ่านหมดเลยทุกแนว ไปงานหนังสือทุกปี ไปทีไรก็หมดตูดอ่ะ (หัวเราะรัว) ไปตลอด ซื้อมาเยอะ แต่ไม่เคยอ่านจบ

ปิ๊ก: ส่วนปิ๊กชอบฟังเพลง ส่วนใหญ่จะฟังเพลง ไม่ได้เกี่ยวกับคลาสสิคที่เรียนเลย คนจะชอบมองว่าเรียนคลาสสิคก็คงจะชอบฟังแต่คลาสสิคอะไรอย่างนี้ แต่ไม่ใช่ เราฟังหมด ป๊อป เกาหลี (หัวเราะ) ฟังหมดเลย


Tickettail
: สมมุติว่ามีโดเรม่อนที่มาพร้อมประตูวิเศษให้ไปที่ไหนก็ได้ อยากจะไปไหนกันมากที่สุด?

เปรียว: โอ้โห…

ปิ๊ก: พี่เปรียวไปอียิปต์ชัวร์อ่ะ (หัวเราะ)

เปรียว: ช่ายยย ก็คงจะไปอียิปต์อ่าค่ะ จนน้องเรียกมัมมี่แล้วเนี่ย (หัวเราะ) ชอบอียิปต์ อ่านหนังสือทุกอย่างเกี่ยวกับอียิปต์ ชอบความลี้ลับ ชอบอ่านประวัติศาสตร์ สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตส่งผลยังไงมาถึงคนในปัจจุบัน

image011 (2)


Tickettail
: ถ้าบอกว่าชอบอ่านประวัติศาสตร์ คือทุกประเทศก็มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง แต่อะไรเป็นจุดดึงดูดให้อยากไปประเทศอียิปต์แทนที่จะเป็นประเทศอื่นคะ?

เปรียว: อารยธรรม (หัวเราะ) ชอบมากเลย ตั้งแต่เด็กเลย มันเป็นการ์ตูนเรื่องคำสาปฟาโรห์ บอกอายุเนอะ มันนานมาก (หัวเราะ) คือแบบว่า ชอบมากกก ชอบตั้งแต่นั้น ชอบปีระมิด ชอบซากศพมัมมี่ อ่านทั้งการ์ตูน หนังสือวิชาการ ดูหนังมัมมี่ เป็นความฝันเลยว่าอยากไปอียิปต์ แต่ช่วงนี้ไปไม่ได้ อียิปต์การเมืองไม่ดี เดี๋ยวไปแล้วถูกจับเป็นตัวประกัน (หัวเราะ)

image013 (1)


ปิ๊ก
: ส่วนปิ๊กถ้าเลือกได้ ก็คงไม่ไปกับเค้าอ่าค่ะ (หัวเราะ) เค้าชอบชวนว่าไปมั้ย เดี๋ยวออกค่าทุกอย่างให้หมดเลย เราก็แบบ “มะ มะ ไม่ว่างเลยช่วงนี้…” (ยิ้มเจื่อนๆ) ถ้าปิ๊กเลือกได้คงอยากไปเที่ยวแบบชิวๆ ไปอังกฤษ ไปหาเพื่อน คิดถึง อีกอย่างตั๋วมันแพง ถ้าได้ประตูโดเรม่อนก็ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วใช่มั้ยคะ (หัวเราะ)


Tickettail
: งั้นก่อนจะจากลากันไป มีน้องๆที่รู้ว่าเราจะได้มาเจอปิ๊ก-เปรียวเนี่ย เค้าฝากถามมาว่า… จะช้าไปมั้ยถ้าแบบอยู่ ม.ปลาย หรือมหาลัยแล้ว แล้วอยากจะมาเรียนไวโอลินเชลโล่ เล่นเก่งๆเหมือนพี่ทั้งสองคน จะยากไปมั้ย?

เปรียว: จริงๆตอนนี้พี่เพิ่งมีลูกศิษย์อายุประมาณเกือบ 40 มาคนนึง มาเรียนกับพี่ พี่ว่าดนตรีเปิดรับทุกวัยนะ ไม่จำเป็นต้องอายุเท่าไหร่ ถ้าเราอยากเรียนจริงๆก็มาได้

ปิ๊ก: คนที่เค้าเรียนตั้งแต่เด็กอาจจะเป็นเพราะเค้าอยากจะมุ่งตรงมาทางนี้ไง แต่ถ้าจะเล่นเป็นงานอดิเรก เป็นความสุขของเรา อายุเท่าไหร่ก็ได้หมดแหละ

image017 (1)


Tickettail
: ที่บอกว่ามีลูกศิษย์ แปลว่าสองสาวพี่น้องเปิดสถาบันสอนแล้วหรอคะ?

เปรียว: หูยยย ไม่ถึงขั้นเปิดสถาบันสอนหรอกค่ะ (หัวเราะ) จริงๆเราสองคนสอนอยู่ที่บ้านค่ะ ตอนนี้พี่เป็นอาจารย์สอนไวโอลินที่เอแบคด้วย ถ้าแบบว่ามีคนสนใจอยากมาเรียนก็มาเรียนได้ บ้านอยู่บางบัวทอง! ไกลหน่อย (หัวเราะ) ตอนนี้ลูกศิษย์ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆมากกว่า


Tickettail
: ถ้าสนใจอยากเรียน สามารถเรียนได้ช่วงเวลาไหนคะ?

ปิ๊ก: ส่วนใหญ่ตอนนี้เด็กๆเค้ามาเรียนเสาร์-อาทิตย์นะ เรียนกันอาทิตย์ละ1 ชั่วโมง เราก็ให้การบ้านเค้ากลับไปซ้อมหลังเลิกเรียนจันทร์ถึงศุกร์ พอเสาร์อาทิตย์ก็มาส่งการบ้านครูว่าเล่นได้รึยังอะไรอย่างนี้


Tickettail
: ถ้าคนสนใจจะเรียน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ไหนคะ?

ปิ๊ก: ก็เข้ามาดูแฟนเพจของเราก็ได้ค่ะ www.facebook.com/footpathtrio

เปรียว: ส่วนค่าชั่วโมงเราก็พยายามคิดเป็นเรทสแตนดาร์ด แบบไม่แพงมาก เพราะว่าเดี๋ยวนี้ที่อื่นเค้าก็สตาร์ทกันชั่วโมงละพันอะไรอย่างนี้ เราก็ไม่อยากให้มันถึงอย่างนั้น

ปิ๊ก: ของเราก็ไม่ได้เก็บล่วงหน้า เป็นคอร์สแบบ จ่ายล่วงหน้าสามเดือนก่อนอะไรอย่างนี้อ่าค่ะ

เปรียว: ใช่ค่ะ เพราะว่าตอนนั้นที่เราเรียน เราก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็ปากกัดตีนถีบด้วยซ้ำ คือชั่วโมงละ 500 ตอนนั้น เกือบ 20 ปีที่แล้วเนี่ย มันหนักนะ แล้วเราเรียนสองคนก็พันนึงแล้ว

ปิ๊ก: อย่างตอนที่ปิ๊กกับพี่เปรียวเพิ่งสอนแรกๆช่วงประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว พวกเราก็เริ่มสตาร์ทที่ 500 เพราะอยากจะให้มันได้เรทสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ถ้าสตาร์ทพันนึงเด็กไม่ไหว แล้วก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น ให้เด็กเค้าไหวด้วย


Tickettail
: แล้วสอนเครื่องดนตรีอื่นบ้างมั้ยคะ หรือว่าสอนแต่ไวโอลินกับเชลโล่?

ปิ๊ก: ก็พี่เปรียวก็สอนไวโอลิน ปิ๊กก็สอนเชลโล่ จริงๆเมื่อก่อนปิ๊กเคยสอนฟลุทด้วย


Tickettail
: คนที่จะมาเรียนควรมีเครื่องดนตรีมาเรียนเป็นของตัวเองด้วยใช่มั้ยคะ?

ปิ๊ก: ใช่ค่ะ ค่อนข้างบังคับให้เค้ามี เพราะถ้าไม่มีเค้าก็จะไม่ได้ซ้อม พอไม่ซ้อมเค้าก็จะไม่มีพัฒนาการ

เปรียว: พอเรียนแล้วเด็กไม่พัฒนา เราก็จะรู้สึกสงสารพ่อแม่นะลูก เสียดายตังค์ (หัวเราะ)


Tickettail
: ฝากเชิญชวนคนอื่นที่สนใจดนตรีหน่อยละกันค่ะ เช่น ดนตรีก็เป็นอีกทางเลือกนึงในการนำเวลาว่างมาใช้ให้เป็นประโยชน์

เปรียว: สำหรับเปรียว เปรียวคิดว่าไม่จำเป็นต้องเป็นดนตรีหรืออะไรเลย เป็นอะไรก็ได้ที่คุณชอบ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องไร้สาระ ต้องทำให้มันมีสาระขึ้นมาให้ได้ สมมุติคุณชอบเกมเนี่ย คุณก็ตั้งเป้าไว้สิว่าอนาคตอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ ถูกมั้ยคะ ให้มันเป็นประโยชน์ขึ้นมา ไม่ใช่แบบชอบอะไรแต่ว่าชอบแปปๆเลิก เด็กสมัยนี้สมาธิสั้นนะ เล่นอะไรได้แปปเดียวก็เลิกละ อันนั้นมันจับจุดทำอะไรไม่ได้ ถ้าชอบอะไรมุ่งไปทางนั้นเลย! ขอแค่นี้แหละ

ปิ๊ก: สำหรับปิ๊กก็ถ้าจะบอกว่าหาเวลาว่างมาเรียน คนเดี๋ยวนี้จะชอบบอกว่าไม่มีเวลา เพราะวันทั้งวัน เอาจริงๆ เฟซบุ๊คทั้งวัน รู้ตัวอีกทีก็สายแล้วดึกแล้ว คนก็เลยบอกว่าไม่มีเวลาว่างเลย เอาไปใช้กับเรื่องไร้สาระหมดเลย ทั้งๆที่จริงๆแล้วเวลาว่างอ่ะมี มีเยอะด้วย ถ้าเอาตัวเองออกมาจากคอมนะ ยิ่งเดี๋ยวนี้นะ นอกจากคอมพิวเตอร์ ยังมีแทปเล็ต มือถือ กับอุปกรณ์อีกมากมาย ซึ่งเราเอามันไปใช้ประโยชน์ได้ ใช้ในการสื่อสาร อ่านหนังสือ แต่อย่าเอาตัวเองไปผูกติดกับเครื่องพวกนี้มากเลย มันจะทำให้อนาคตดูน่ากลัว เหมือนเรียนจบมา เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีงานยอมรับ เพราะเราไม่เป็นที่ต้องการของที่ไหนเลย ไม่ต้องดนตรีหรอก อะไรก็ได้ หาจุดเด่นในตัวเอง ความชอบของตัวเอง หาให้เจอแล้วเราจะมีคุณค่าขึ้นมา เราจะรู้สึกภูมิใจกับมัน


Tickettail
: ขอหนึ่งใจความสั้นๆ “ดนตรีให้อะไร” กับพวกพี่ๆคะ?

เปรียว: หือ…. ยากนะ (คิดหนัก) “ให้ตัวตน” ให้พี่เป็นพี่ทุกวันนี้… เพราะทุกวันนี้ ทุกคนที่รู้จักปิ๊กกับเปรียว ก็จะพูดถึงแต่ดนตรี เพราะฉะนั้นดนตรีคือจุดเริ่มต้นตั้งแต่ที่เรายังไม่เป็นอะไรเลย จนถึงตอนนี้เราก็เป็นอาจารย์แล้ว แล้วก็ยังวนเวียนอยู่กับดนตรี ก็คิดว่าน่าจะเป็นการมอบตัวตนที่แท้จริงกับพวกเราอ่าค่ะ

ปิ๊ก: “ให้ชีวิต” ค่ะ เหตุผลเดียวกับพี่เปรียว ดนตรีเป็นชีวิตจิตใจของปิ๊กเลยค่ะ

image015 (1)
image019

ท่องโลกกว้างไปกับหนุ่มหน้าใส เซเลปหน้าใหม่ แบม-ปีติภัทร คูตระกูล

ยามว่าง Celeb Style – Bam Pitipat

อีกหนึ่งดาวที่น่าจับตามอง หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ก็เชื่อว่าอีกหลายๆคนก็ต้องมีคุ้นหน้าคุ้นตาหรือรู้จักมักจี่กับหนุ่มหน้าใสที่มีเอกลักษณ์เป็นรอยยิ้มทะเล้นคนนี้อย่างแน่นอน ขอกระซิบนิดนึงว่าถ้าใครได้เห็นโฆษณา BBA CU Charity Showcase ในปีนี้แล้ว เขาคนนี้แหละคือประธานสุดหล่อที่ต้องรับผิดชอบงานทั้งหมดในครั้งนี้เลย

แบม-ปีติภัทร คูตระกูล

 

image004 (9)

 

 

แบม: สวัสดีครับ ชื่อแบม ปีติภัทร คูตระกูล เรียนอยู่ BBA จุฬาฯ ชั้นปีที่ 4 ภาควิชาไฟแนนซ์ครับ

 

Tickettail: ดูไม่ออกเลยนะคะว่าเรียนไฟแนนซ์ นึกว่าจะออกไปทางนิเทศซะอีก

 

แบม: ก็กำลังศึกษาความชอบของตัวเองด้วยนะครับ จริงๆผมก็ชอบแนวพิธีกรอะไรแบบนี้ ได้เจอคนเยอะ สนุกดี แต่ที่เลือกคณะนี้เพราะสนใจด้านการเงิน การลงทุน แล้วก็การบริหารจัดการน่ะครับ น่าจะเริ่มมาจากพื้นฐานของธุรกิจครอบครัวนะครับ (ยิ้ม)

 

Tickettail: ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้างคะ?

 

แบม: ก็… คนอื่นคงจะไม่รู้จักมั้งครับ (หัวเราะ) ถ้าตั้งใจดูจริงๆ ก็จะเห็นทางโฆษณาบ้าง มีโค้ก ฟาร์มเฮ้าส์ เลย์ อะไรประมาณนี้ ล่าสุดที่เห็นหน้าชัดหน่อยก็เป็นโฆษณาซิมแฮปปี้อ่ะครับ แล้วก็มีเป็นพิธีกรตามงานอีเว้นท์ ถ่ายแบบลงนิตยสารนิดหน่อยครับ

 

ถ้าในหมู่เด็กมัธยมหรือเด็กมหา’ลัยด้วยกันเอง ก็น่าจะรู้จักแบมมากขึ้นตอนที่มีงานละครเวทีของ BBA เมื่อ 2ปีที่แล้วน่ะครับ ตอนนั้นแบมเล่นเป็นพระรอง แล้วคิดว่าหลายๆคนคงชอบ เห็นว่าร้องไห้กันไปหลายคนเหมือนกัน (หัวเราะ) ตามสไตล์ครับ พระรองแห้ว คนดูเลยสงสาร (หัวเราะหนักกว่าเดิม)

 

แล้วตอนนี้ก็เป็นพิธีกรอยู่ Travel Channel Thailand เป็นช่องท่องเที่ยว ทางช่อง True 73 ครับผม

 

image006 (6)image008 (5)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Tickettail: เป็นพิธีกรอยู่ Travel Channel เป็นยังไงบ้างคะ? น่าจะได้ไปเที่ยวเยอะเลย

 

แบม: ช่องมันเพิ่งเปิดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมก็เป็นพิธีกรรุ่นบุกเบิกเลย (หัวเราะ) เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ สนุกดี ได้ฝึกพูด ฝึกสัมภาษณ์ ได้เจอคน ได้ไปสถานที่ใหม่ๆ ไปเที่ยว… ฟรีด้วย (หัวเราะ) เราก็ได้ไปฮ่องกง ไปสเปน อะไรแบบนี้

 

Tickettail: เท่าที่ไปกับทางช่องมา ชอบไปไหนมากที่สุด?

 

แบม: หืมมม… (คิด) ชอบที่สุด… คงเป็น… ฮ่องกง ตอนแรกจะตอบสเปน แต่ฮ่องกงมันโดนกว่าเพราะว่า ตอนนั้นไปกับการท่องเที่ยวฮ่องกง แล้วเค้าบริการดีมาก (หัวเราะ) อาหารการกินอร่อยทุกมื้อ เด็ดๆทั้งนั้นเลย ทริปนั้นที่ไปคือไปดูอีกมุมนึงของฮ่องกงที่ไม่ใช่ช้อปปิ้ง อิเล็กโทรนิกส์ อะไรงี้ เค้าอยากให้ไปดูพวกGeopark พวกด้านอาร์ตของเค้า เค้ามีมุมนั้นอยู่ เค้าก็อยากให้เราไปสำรวจ ก็ดีครับ ได้ไปเจออะไรใหม่ๆของฮ่องกงครับ

 

image010 (3)

 

Tickettail: รายการที่แบมเป็นพิธีกรอยู่ เป็นรายการเกี่ยวกับอะไรคะ?

 

แบม: ก็พาเที่ยวครับ แต่หลักๆจะเป็นในประเทศ

 

จริงๆมันแบ่งรายการเป็น 3 แบบนะ คือรายการที่ทางช่องทำเอง รายการที่ Outsource แล้วก็รายการที่พาร์ทเนอร์ที่คนอื่นมาซื้อเวลาช่องไป ซึ่งของแบมที่เรียกว่า TC ที่เป็นพิธีกรช่อง ก็จะเป็นรายการที่ผลิตเอง ทำเอง อะไรอย่างนี้ แต่ละรายการก็จะเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แต่จะนำเสนอรูปแบบไลฟสไตล์และเนื้อหารายการที่แตกต่างกันออกไปตามกลุ่มเป้าหมายของรายการนั้นๆ

 

Tickettail: เวลาว่างที่เหลือจากการเรียนการทำงาน ชอบทำอะไรคะ?

 

แบม: ชอบนอนครับ (หัวเราะ) ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ เพราะงั้นพอมีโอกาสได้นอนก็จะนอนยาววว ตื่นสายเลย (หัวเราะ)

 

ละก็เดี๋ยวนี้ชอบถ่ายรูปถ่ายวิดีโอครับ เพิ่งซื้อกล้องมา กำลังเห่อเลย แต่ผมเน้นถ่ายวิดีโอมากกว่า เหมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่อง Travel Channel เหมือนกันนะ อยากลองถ่ายแล้วทำรายการเอง ฝึกตัดต่อ ชอบมากๆเลย แล้วก็ไปศึกษาจากพี่ๆทางช่อง ได้เป็นเห็นเวลาเค้าถ่ายทำว่าเค้าทำอะไรยังไง ใช้เลนส์ยังไง ก็ลองศึกษาดูครับ

 

Tickettail: โดยส่วนตัวแล้ว ไม่เกี่ยวกับรายการท่องเที่ยวที่ทำนะคะ มีที่ไหนที่ยังไม่เคยไปแล้วอยากไปมากที่สุด แบบครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้ มีมั้ยคะ?

 

แบม: มีครับ มีเยอะด้วย (ยิ้ม) ถ้าให้เลือกมาหนึ่งที่ที่อยากไปที่สุด… พูดยากนะเนี่ย (คิดหนัก) คงอยากไปGrand Canyon ครับ ไม่เคยไป เห็นจากภาพถ่ายว่ามันสวยดี ถ้าเราได้ไปถ่ายรูปที่นั่นบ้างคงจะได้ภาพสวยๆมาเยอะครับ แล้วเคยได้ยินว่ามันเคยเป็นมหาสมุทรเก่า แล้วแห้งแล้งไป หินสวย อยากไปครับ ยังไม่เคยไป

 

image012 (4)

 

Tickettail: เห็นว่าปีนี้เป็นประธาน BBA Showcase ด้วย! งานเยอะขนาดนี้จะมีเวลานอนมั้ยคะเนี่ย (ขำ)

 

แบม: (หัวเราะ) ก็แบ่งเวลาเอาครับ… ใช่ครับ เป็นประธานโชว์เคส ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้เด็กบีบีเอมาทำกิจกรรมร่วมกัน ระดมเงินทุนมาทำค่ายอาสา ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นแนวละครเวทีครับผม

 

หน้าที่ของแบมในฐานะประธาน ก็คือดูแล ควบคุมให้ทิศทางไปในทางที่ดี ไปในทางเดียวกัน ดูกว้างๆ ดูทุกฝ่ายว่าไปในทิศทางเดียวกันรึเปล่า เห็นภาพเดียวกันรึเปล่า เข้าใจตรงกันมั้ย ประสานกันอย่างลงตัวรึเปล่า อะไรประมาณนั้นน่ะครับ

 

Tickettail: เครียดมั้ยคะมารับตำแหน่งนี้ ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบไว้หนักมาก

 

แบม: คนคาดหวังจากประธานเยอะครับ (ขำ) โดยส่วนตัวแบมเป็นคนที่คิดมากอยู่แล้ว เครียดง่าย คิดไปนู่นไปนี่ว่าคนอื่นเค้าจะคิดยังไง เราจะต้องยังไง พอมาเป็นประธานโชว์เคสก็ยิ่งเครียดเลยครับ เพราะผมทำกิจกรรมอื่นควบคู่ไปด้วย ไปแข่ง case อะไรอย่างนี้ด้วย ทำให้ไม่มีเวลาดูแลโชว์เคสมากเท่าที่ควร แต่ก็ดีครับ ได้เพื่อนร่วมงานดี อย่างผู้กำกับกับหัวหน้าฝ่ายการผลิตก็เป็นคนที่เคยทำโชว์เคสมาแล้วทั้งนั้น เป็นเพื่อนกันด้วย คุยกันง่ายครับ เราก็เชื่อใจเค้าว่าเค้าต้องดูแลได้

 

Tickettail: แล้วมีวิธีคลายเครียดยังไงคะ?

 

แบม: ก็ต้องเตือนสติตัวเองนะ บอกตัวเองเสมอว่า ไม่ต้องเครียด เพราะเครียดก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา แล้วก็มองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่เราเคยเครียดกับมัน แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้ ผลลัพธ์ก็ออกมาดี ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นคราวนี้ก็ต้องไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดมาก

 

ผมว่าทุกอย่างมันอยู่ที่การแบ่งเวลา การจัดการบริหารชีวิตว่าจะต้องทำอะไรก่อนอะไรหลัง ถ้าเราจัดสิ่งที่สำคัญกับสิ่งที่เร่งด่วนให้มันเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้เสร็จทีละอย่าง ค่อยเป็นค่อยไป มันจะช่วยลดความเครียดของเราลงได้นะผมว่า แต่เราต้องมีวินัยกับตัวเอง ไม่ใช่ว่ามีงานที่ต้องทำเต็มไปหมดแต่มานั่งเล่นเกม เล่นเฟซบุ๊ค พอมารู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลานอนแล้ว อะไรแบบนี้

 

Tickettail: แล้วช่วงนี้แบมมีผลงานอะไรให้แฟนๆได้ชมบ้างรึเปล่า?

 

แบม: จริงๆช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีนะครับ นอกจากเป็นพิธีกรทาง Travel Channel แล้ว หลักๆก็จะยุ่งกับกิจกรรมมหา’ลัยมากกว่า อย่างที่บอกแหละครับ มีแข่งเคสกับประธานโชว์เคส แค่นี้ผมก็เครียดแล้วครับ (หัวเราะ)

 

Tickettail: แข่งเคสคืออะไรคะ?

 

แบม: ก็เหมือนแข่งแผนธุรกิจน่ะครับ แต่จะเป็นการแข่งโดยพรีเซ้นท์เป็นภาษาอังกฤษ ที่ผ่านมาก็ไปแข่งTUBC ที่ธรรมศาสตร์จัดน่ะครับ ก็ได้รางวัลมา ล่าสุดเลยก็ไปแข่งที่ Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ ก็ได้ที่ 1 มาครับ ประทับใจมากๆ แล้วก็ภูมิใจในตัวเพื่อนๆทุกคนในทีมมากครับที่ทำให้ได้ที่หนึ่งมาได้ เพราะเราต้องไปแข่งกับเด็กมหาวิทยาลัยอื่นจากประเทศอื่นๆด้วย นี่ก็กดดันครับ (หัวเราะ)

 

image014 (2)image016 (2)

image018 (3)

image020 (3)

 

 

 

 

image022 (1)

 

 

Tickettail: ว้าววว ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งนะคะ ทั้งหล่อทั้งเก่ง แถมยังแมนทั้งแท่งแบบนี้ หายากนะคะเนี่ย! ><

 

แบม: พี่รู้ได้ไงว่าผมแมนทั้งแท่ง (คนสัมภาษณ์อึ้งไป 3 วิ) ผมล้อเล่น! (หัวเราะรัว) แมนแน่นอนครับ

 

Tickettail: สุดท้ายแล้วมีอะไรฝากทิ้งท้ายมั้ยจ๊ะ? (เริ่มขำไม่ออกกับมุขเมื่อกี้)

 

แบม: ก็ขอฝาก BBA Showcase ละกันครับ พวกเราทุกคนเหนื่อยกันมากแล้วก็ทุ่มเทกันสุดๆ อยากให้คนมาดูกันเยอะๆ พวกเราจะได้มีกำลังใจ น้องๆรุ่นต่อไปจะได้มีกำลังใจในการทำโชว์เคสด้วย เพราะมันต้องเตรียมงานหลายเดือน ซ้อมการแสดง ซ้อมดนตรี เขียนบท เยอะครับ (ยิ้ม) บัตรก็ราคาไม่แพงด้วย แล้วที่สำคัญเราจะได้มีเงินนำไปพัฒนาชุมชนกับทางค่ายอาสาน่ะครับ คนที่เค้าขาดโอกาสดีๆอย่างพวกเรายังมีอีกเยอะครับ ถึงจะไปด้วยตัวเองไม่ได้ แต่ก็อยากให้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพวกเค้าเหล่านั้นน่ะครับ

 

นอกจากนี้ก็ขอฝากรายการทาง Travel Channel ด้วย เป็นช่องท่องเที่ยว ใครที่ชอบการท่องเที่ยว รู้สึกเบื่อหรือเครียดกับชีวิตเดิมๆ ก็เปิดทีวีมาไปเที่ยวด้วยกันที่ Travel Channel นะครับ ทาง True vision 73 รายการที่แบมทำอยู่เป็นรายการสด ชื่อ “สวัสดีไทยแลนด์” ทุกวันศุกร์ 19.00-20.00 น. ครับผม

 

image024 (1)image026

 

image028

image030 (1)image032

 

 

 

 

นับว่าเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่าคนหน้าตาดีมักไม่มีสมอง แต่เห็นทีหนุ่มคนนี้จะลบคำสบประหม่าพวกนั้นได้แล้วล่ะค่ะ เพราะนอกจากจะหน้าตาดี ดีกรีหนุ่มไฟแนนซ์แล้ว ยังมีสมองที่ไม่น้อยนิด สามารถคว้ารางวัลต่างๆมาได้มากมาย เป็นเกียรติแก่ครอบครัวและมหาวิทยาลัยมากๆเลยค่ะ

 

หนุ่มเจ้าเขาฝาก Tickettail มาพร้อมทำหน้าตาปริบๆว่า ยังไม่มีใครรวมกลุ่มทำแฟนเพจให้เขาเลย ดังนั้นใครเห็นแววหนุ่มน้อยคนนี้ อย่าลืมติดตามเค้าแล้วจัดตั้ง FC ให้เค้าด้วยนะคะ อิอิ

 

Tail’s Quote #ต้องมีสติตลอดเวลาครับ ใจเย็นๆแล้วตั้งสติ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีเอง (คำคมจากน้องแบม-ปีติภัทร)

กิจกรรมรัดตัวกับนักร้องสาวอารมณ์ขัน อรุ The Voice

ยามว่าง Celeb Style – Aru the Voice

คอลัมน์นี้ Tickettail ขอลองแหวกแนวไปสัมภาษณ์คนดังวัยรุ่นบ้าง อยากจะรู้นักว่าชีวิตคนดังในวัยนักศึกษานี่เค้าแบ่งเวลาเรียนกับเวลาทำงานกันยังไง แล้วในเวลาว่างพวกเค้าทำอะไรกัน เลยคว้าไมค์ยัดใส่มือคนใกล้ตัวเลย กับนักร้องสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนี้
อรุ
-เดอะวอยซ์ (อรุ โยโกอิชิ)

 

image004 (8)

 

คนที่สามจากบ้าน The Voice Thailand ที่สละเวลามาให้สัมภาษณ์กับเรานะคะ ไม่รู้ว่าโลกกลมหรือยังไง สาวน้อยคนนี้ก็มาจากทีมพี่โจอี้บอยเหมือนกันค่ะ

 

อรุ: สวัสดีค่า ชื่ออรุ โยโกอิชิ ค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะบัญชี ภาค BBA ค่ะ

 

Tickettail: จริงๆพี่ได้เห็นน้องอรุจากอีกเวทีนึงก่อนหน้ามาประกวดเดอะวอยซ์ด้วยนะ แต่คิดว่าหลายๆคนทั้งประเทศน่าจะมารู้จักอรุจริงๆตอนเข้ารอบ Blind Audition ของการแข่งขัน The Voice ครั้งแรกของเมืองไทยมากกว่า น้องอรุช่วยเล่าความรู้สึกของการแข่งขันให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ

 

อรุ: ตอนแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก ตอนรอบ Blind Audition คิดว่าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะร้องจนจะจบแทรคอยู่แล้วอ่าค่ะ แต่ว่าพี่โจ้ก็หันมา…ขอบคุณพี่โจ้จริงๆที่ให้โอกาสอ่าค่ะ (หน้าตาซึ้งมาก) ตอนที่เทรนด์กับคนอื่นๆในทีม ก็รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ ได้มิตรภาพที่แนบแนนกับเพื่อนๆในทีม เฮฮาปาร์ตี้กันทุกอาทิตย์ ได้ความรู้… พี่โจ้ก็ช่วยเทรนด์ว่าเราควรจะร้องยังไงให้เหมาะกับเรา และควรจะหาความโดดเด่นอะไรในตัวเรา ร้องยังไงให้เป็นแบบเรา แบบที่ไม่ต้องเหมือนคนอื่นเค้า จะได้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างนี้อ่ะค่ะ

 

Tickettail: น้องอรุเริ่มร้องเพลงตั้งแต่ตอนไหนคะ?

 

อรุ: ก็ร้องตั้งแต่เด็กๆเลยอ่าค่ะ มีประกวดบ้างเล็กๆน้อยๆ ก็มีประสบการณ์นิดนึง… อย่างก่อนมาประกวดเดอะวอยซ์ ถ้าล่าสุดก็ไปประกวดของทางมหา’ลัยอ่าค่ะ CU Singing Contest แล้วก็โชคดีได้รางวัลชนะเลิศด้วย (ยิ้มอายๆ) บางเวทีที่ประกวดเข้ารอบก็จะมี KPN บ้างอะไรอย่างนี้อ่าค่ะ เรื่อยๆ

 

Tickettail: นอกจากชอบร้องเพลงแล้ว เวลาว่างชอบทำอะไรคะ?

 

อรุ: ก็ถ้าว่าง… (คิด) ก็คงจะร้องเพลงอ่าค่ะ (แป่ววว) อาบน้ำก็ร้องเพลงค่ะ (ยิ้ม) ส่วนใหญ่ถ้าไม่ร้องเพลงข้างนอกก็ร้องเพลงในคณะ อยู่แบนด์ในคณะ เป็นวงดนตรีของคณะอ่าค่ะ

 

Tickettail: แล้วมีเล่นกีฬาบ้างมั้ยคะ?

 

อรุ: เมื่อก่อนชอบเล่นเทนนิส มีแข่งบ้าง แต่ก็หยุดไปแล้ว (หัวเราะ) ตีไปเริ่มแขนใหญ่ขึ้นเลยแบบ พอดีกว่า (หัวเราะ) แต่ก็ออกกำลังกายบ้าง

 

image006 (5)

 

Tickettail: แล้วถ้ามีวันหยุดยาวๆ เราจะชอบไปไหน ไปทำอะไรคะ?

 

อรุ: ถ้ามีวันหยุดยาวๆจริงๆ ก็คงอยู่กับครอบครัว กับเพื่อน ไปดูหนังฟังเพลงร้องเกะ กินลมชมวิว ตามประสาแหละค่ะ

 

แต่ถ้าเรื่องเที่ยว อรุจะชอบเที่ยวต่างจังหวัดมากกว่าค่ะ แนวธรรมชาติ ไปแบบ ชิวๆ สบายๆ เห็นทะเล เห็นภูเขา อากาศเย็นๆ

 

Tickettail: ระหว่างภูเขากับทะเล ชอบอะไรมากกว่ากันคะ?

 

อรุ: อรุชอบทะเลค่ะ รู้สึกว่าแบบมันกว้างงงง ดีอ่ะ ไม่มีจุดสิ้นสุด แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปว่ายน้ำทะเล เพราะรู้สึกว่าผิวคล้ำขึ้น แล้วรู้สึกว่าได้เวลา “จำกัดความคล้ำตัวเอง” แล้วล่ะค่ะ ว่าต้องคล้ำสุดได้แค่นี้ T.T เลยได้แต่กินอาหารทะเล นอนอ่านหนังสือ ฟังเพลง กินลมชมวิวมากกว่า (หัวเราะ)

 

Tickettail: ที่เคยไปมา อรุว่าทะเลที่ไหนสวยที่สุดคะ?

 

อรุ: ชอบทะเลตรงภาคใต้อ่ะ แบบ กระบี่อะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ น้ำใสมากกก ไปดำน้ำ ดูปะการัง มีปลาว่ายไปว่ายมา ดูเป็นธรรมชาติมาก (ยิ้มปลื้มปิติ)

 

image008 (4)image010 (2)

 

 

 

 

 

 

 

Tickettail: อย่างตัวน้องอรุเองเป็นคนร้องเพลง อยากรู้ว่าชอบไปงานคอนเสิร์ตหรืองานเพลงอะไรก็ตามในฐานะผู้ฟังมั้ยคะ?

 

อรุ: ต้องบอกก่อนว่า โอกาสหรือเวลาที่จะไปฟังคอนเสิร์ตเนี่ย น้อยยย (ลากเสียง) เพราะว่าทำกิจกรรมในมหา’ลัยเยอะ แต่โดยส่วนตัวชอบคอนเสิร์ตที่แบบฟังสบายๆสไตล์แจ๊ซมากกว่าค่ะ แต่ว่าในเมืองไทย… หายากนิดนึง ถ้าไปก็ไปกับพ่อแม่ตามร้านอาหารที่เค้าเล่นดนตรีน่ะค่ะ มีวงดนตรีบรรเลงสบายๆ

 

แต่บอกตามตรงว่าพวกคอนเสิร์ตใหญ่ๆ แนวเฮฮาปาร์ตี้ ที่คนเค้าไปกรี๊ดกร๊าดในฮอลล์กัน… ก็ไม่ค่อยไปน่ะค่ะ แต่ก็ดูมันส์ดีนะ ถ้าได้ไปกับเพื่อน น่าจะเป็นอีกฟีลนึงที่แบบ เราไม่ได้ร้อง แต่เราไปฟังแล้วไป “เย้วๆ” อยู่หน้าเวทีอะไรอย่างเนี้ย ก็มันส์ดี

 

Tickettail: แล้วตอนนี้มีผลงานหรือวางแผนสร้างผลงานอะไรมาให้แฟนๆอยู่บ้างรึเปล่าคะ?

 

อรุ: ส่วนใหญ่ตอนนี้ผลงานจะอยู่ในมหา’ลัยมากกว่าค่ะ ร้องเพลงตามคณะบ้าง ถ้าเป็นงานข้างนอก… ก็ยังบอกไม่ได้ อาจจะมีงานคอนเสิร์ตเร็วๆนี้ ต้องติดตามต่อไป (ยิ้ม)

 

image012 (3)image014 (1)

 

 

 

 

 

 

 

Tickettail: เห็นพูดเรื่องกิจกรรมในมหา’ลัยเยอะเลย น้องอรุทำอะไรบ้างคะเนี่ย?

 

อรุ: ก็กิจกรรมหลายอย่างนะคะ ที่บอกไปก็จะมีวงดนตรีคณะอ่าค่ะ

 

ช่วงนี้ก็เตรียมตัวไปแข่งเคสที่ LA ค่ะ ได้เป็นตัวแทนจุฬาฯไปแข่ง case study กับมหาวิทยาลัยอื่นๆจากทั่วโลก ธรรมศาสตร์ก็ไปด้วยนะคะ

 

แล้วตอนนี้ก็ทำ BBA Showcase อยู่ เป็นละครเวทีของคณะน่ะค่ะ น่าจะจัดช่วงมีนาฯปีนี้ ตอนนี้ก็ได้รับโอกาสจากเพื่อนๆให้เป็น Production Director ก็เลยต้องดูทั้งส่วนของนักแสดง นักร้อง นักเต้น นักดนตรี ต้องดูว่าทุกส่วนซิงค์กันมั้ย ต้องดูความพร้อมเรื่องการเข้าฉาก เรื่องบทว่ามันเข้ากับเพลงมั้ย จังหวะตรงมั้ย ต้องให้มัน smooth กับเนื้อเรื่องอ่าค่ะ

 

Tickettail: เคยไปดูเมื่อ 2 ปีที่แล้ว… จำได้ว่าน้องอรุเป็นนางเอกด้วย ^^

 

อรุ: อูยย เขิน (ก้มหน้าเขิน) ก็ใช่ค่ะ ตอนนั้นอยู่ปีสอง… จะว่าไปแล้วความรู้สึกตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันมากกกเลยค่ะ แบบตอนนั้นแค่คิดว่าเรามีหน้าที่เล่นอย่างเดียวกับจบ แต่ตอนนี้อยู่ปีสี่ เป็นพี่โตสุดแล้ว ต้องดูทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใส่ใจในรายละเอียดทุกจุด

 

ความกดดันก็ต่างกันค่ะ ตอนเป็นนางเอกกดดันเพราะเราเป็นนางเอก ทุกคนคาดหวังจากเรา ตื่นเต้นมากกก กดดันมากกก เพราะตอนนั้นเราไม่สวย (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้น แล้วแบบตอนนั้นได้รับความกดดันจากคนอื่นๆว่า “นางเอก” ต้องผอมกว่านี้ ดูแลตัวเองมากกว่านี้นะ เราก็ต้องแบบพยายามดูแลตัวเองให้มากขึ้น รู้จักแต่งตัวมากขึ้น ปรับปรุงให้ตัวเองดูดีขึ้น จากที่เค้าเรียกกันว่า “ถังแก๊ส” ก็ดีขึ้น พี่ที่เทรนด์ก็บอกว่าดูนางเอกขึ้นนะจากวันแรก (หัวเราะ) ตอนนั้นวิ่งเยอะมาก ลดอาหาร กินน้อยมาก ไปต่อผม อะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ (ยิ้มเขินๆ) ให้คนดูไม่ผิดหวังจากการแสดง

 

แต่อย่างตอนนี้ความสวยไม่แคร์แล้วค่ะ ไม่ใช่นางเอกแล้ว (หัวเราะ) แต่จะได้รับความเครียดอีกระดับนึง ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ใหญ่กว่า ต้องดูแลรุ่นน้อง เคลียร์ปัญหา บริหารจัดการงานให้มันออกมาดี อะไรอย่างนี้

 

image016 (1)

 

image018 (2)

 

Tickettail: โห… แล้วมีวิธีจัดการกับความเครียดยังไงคะแบบนี้?

 

อรุ: ถ้าเรื่องงานที่ต้องทำกันเป็นทีมอย่าง Showcase ที่ทำอยู่น่ะค่ะ ถ้ามีปัญหาแล้วทำให้เราเครียด เราก็จะเปิดใจคุยกันเลยค่ะ จะได้ไม่มีปัญหาหนักอก

 

แต่ถ้าเป็นเครียดเรื่องอื่นที่แบบหาทางแก้ไม่ค่อยได้ ก็ระบายด้วยการร้องเพลงน่ะค่ะ ร้องเพลงที่มันอลังๆ ใช้เสียงเยอะๆ (หัวเราะ) แบบพรุ่งนี้ตื่นมาคอแหบ หายซ่าไปเลย แล้วร้องเพลงแบบอลังๆจะทำให้เราเหนื่อยด้วยนะ เหมือนได้ออกกำลังกายด้วย ได้ตะโกนด้วย ทำในสิ่งที่เราชอบด้วย ความเครียดหายไปเยอะเลยค่ะ (ยิ้ม)

 

Tickettail: สมมุติว่ามีสปอนเซอร์ใจดีสนับสนุนให้อรุไปเที่ยวที่ไหนก็ได้หนึ่งที่ โดยเรื่องค่าใช้จ่ายเค้าเป็นคนออกหมด อยากจะไปที่ไหนมากที่สุดคะ?

 

อรุ: ถ้าได้ไปฟรีเลย ก็คงจะเป็นยุโรปมั้งคะ… คงไปอังกฤษมั้งคะ เพราะมีพวกสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่โบราณ ดูคลาสสิกดีค่ะ ชอบพวกธรรมชาติ คลาสสิก มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อะไรอย่างนี้อ่าค่ะ

 

image020 (2)

 

Tickettail: เห็นว่าปีนี้เรียนปีสุดท้ายแล้ว วางแผนอนาคตไว้ยังไงบ้าง? ลุยงานบันเทิง ร้องเพลงเต็มที่เลยรึเปล่า?

 

อรุ: หูยย… ไม่หรอกค่ะ (หัวเราะ) ก็คงทำงานตามที่เราเรียนมาก่อนน่ะค่ะ อรุเรียนบัญชี ก็ต้องเดินสายออดิทเหมือนคนอื่นเค้าแหละค่ะ

 

Tickettail: เห็นว่างานออดิทหนักนะ กลับบ้านดึก ทำงานวันหยุดบ้าง… อย่างนี้น้องอรุยังจะรับงานร้องเพลงอยู่มั้ยคะ?

 

อรุ: ถ้ามีโอกาสก็คงรับนะคะ ถ้ามันไม่ชนกับงานออดิทที่เราทำ (หน้าสลด) แต่อรุเห็นว่าศิลปินส่วนใหญ่เค้าก็รับงานข้างนอกนะคะ แบบวันหยุด หรือกลางคืน จริงๆอรุว่ามันอยู่ที่การแบ่งเวลามากกว่าค่ะ แต่ถ้าตารางงานมันชนกันจริงๆก็หยุดค่า ลางานเลยค่า ไปร้องเพลงก่อนค่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช่นะคะ หนูล้อเล่น (อารมณ์ขันนะสาวน้อยคนนี้)

 

Tickettail: พี่เชื่อว่าจะมีหลายคนที่แบบคิดว่า “เอ๊ะ นักร้องมาเป็นออดิทหรอ?” อะไรแบบนี้… มีความเห็นยังไงกับความคิดนี้บ้าง?

 

อรุ: (หัวเราะ) จริงค่ะ ทุกคนคิดแบบนี้… อย่างตอนสัมภาษณ์งาน คนสัมภาษณ์เขาก็ถามว่า เห็นเราเขียนว่าเราร้องเพลงเวทีนั้นเวทีนี้ลงในประวัติ แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับออดิท… อรุเจอแบบนี้ก็อึ้งไปเลยค่ะ เลยตอบไปว่าเป็นความสามารถพิเศษและยังเป็นงานอดิเรกที่ช่วยให้เรามีวินัยในการฝึกซ้อมด้วย ตรงเวลาด้วย อะไรแบบนี้น่ะค่ะ (หัวเราะ)

 

อย่างตอนฝึกงานมีพี่ที่ทำงานที่แบบ… นั่งทำงานอยู่ดีๆแล้วเค้าเบื่อ หันมาบอกหนูว่า “น้องอรุร้องเพลงหน่อยสิ” แล้วก็รีเควสเพลงมาเป็นลำดับเลย (หัวเราะ) ก็ช่วยพี่ๆคลายเครียด

 

Tickettail: สุดท้ายนี้น้องอรุมีอะไรจะฝากทิ้งท้ายให้แฟนคลับหน่อยมั้ยคะ?

 

อรุ: ค่ะ ก็ฝากผลงานของอรุด้วยนะคะ จริงๆตอนนี้ยังบอกไม่ได้ (ยิ้ม) แต่ก็อัพเดทได้ทางแฟนเพจนะคะwww.facebook.com/Aru.YokoichiFC ค่ะ

 

 

 

image022

 

image024

 

 

แง้มๆมาแล้วล่ะว่าคงมีงานคอนเสิร์ตเร็วๆนี้ ถ้ามีข่าวสารเพิ่มเติม รับรองว่า Tickettail ไม่พลาดแน่จ้า! ส่วนระหว่างรอคอนเสิร์ต ถ้าใครว่าง ต้องลองดูช่วงมีนาคมแล้วแหละว่างานละครเวทีที่น้องอรุดูแลงานอยู่นั้นจะมีช่วงไหน แล้วซื้อตั๋วไปดูผลงานเบื้องหลังของน้องอรุบ้างก็คงน่าสนใจไปอีกแบบนะคะ

 

Tail’s Quote #จริงๆทุกอย่างมันอยู่ที่การแบ่งเวลาค่ะ ถ้าเราแบ่งเวลาเป็น เรียงลำดับความสำคัญถูก ต่อให้ต้องเลือกงานใดงานหนึ่ง เราก็คงไม่เสียดายที่ไม่ได้เลือกอีกงาน (คำคมจากน้องอรุ-โยโกอิชิ)

ปั๊ป-โปเตโต้ กับไลฟ์สไตล์ที่คุณอาจไม่รู้

คิดถึงผู้ชายอบอุ่นคนนี้กันอยู่ใช่มั้ยล่ะ? แน่นอนว่า Tickettail ต้องโฉบไปเก็บข่าวคราวมาฝากแฟนๆวง POTATO เพราะรู้สึกช่วงนี้จะหายหน้าหายตาไปนาน

 

ปั๊ป-โปเตโต้

 

image004 (12)

 

เห็นไมค์กับเห็นเสื้อที่ทีมงานใส่ พี่ปั๊ปคงงงว่ามาจากสื่อไหน เพื่อไม่ให้พี่ปั๊ปคิดเองเออเองมากไปกว่านี้ เราเลยถามพี่ปั๊ปดูว่า เว็บไซต์ที่ชื่อ Tickettail น่าจะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร (ซึ่งเราทึ่งกับคำตอบพี่ปั๊ปมาก เพราะเป็นคนแรกที่ตอบได้ถูกต้องมากที่สุด)

 

ปั๊ป: Tickettail… ถ้าแค่คำนี้ นึกถึงขั้วตั๋วอ่ะครับ ที่เป็นกระดาษปรุๆ แล้วเวลาดึงจะมีเสียง ปรึก…ปรึก…ปรึก… (sound effect พร้อม) แต่ถ้าเป็นเว็บไซต์… คงจะนึกถึงพวกคอนเสิร์ต งานอีเว้นท์ต่างๆ ละครเวที ต้องเป็นแบบนั้น (ยิ้มมั่นใจ)

 

Tickettail: ใช่เลยค่ะ เป็นสื่อออนไลน์ที่รวบรวมอีเว้นท์และกิจกรรม หาทางออกให้คนที่เบื่อๆเครียดๆ ก็มาดูได้ว่าวันนั้นหรือวันไหนๆมีกิจกรรมมีงานอะไรที่ไหนบ้าง เป็นปฏิทินอีเว้นท์

 

ปั๊ป: อ๋อๆ โห… แจ๋วไปเลยครับ อันนี้รวมพวกเวลาศิลปินจากต่างประเทศมาด้วยรึเปล่าครับ? งานอินดี้เล็กๆ แนวอาร์ตๆ ก็มีใช่มั้ยครับ? (ทำท่าสนอกสนใจ)

 

Tickettail: มีค่ะ ถ้าเราทราบข่าวว่ามีที่ไหนจัด เราก็เอามาลงแน่นอนค่ะ เราไม่ได้ตีกรอบประเภทของกิจกรรมที่จะเอามาลงเว็บไซต์น่ะค่ะ เพราะแต่ละคนก็มีความชอบที่ต่างกัน ว่าแต่ว่าพี่ปั๊ปสนใจแนวศิลปะ อาร์ตๆ อะไรทำนองนี้หรอคะ?

 

ปั๊ป: ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ (หัวเราะ) คือช่วงนี้พี่ทำเพลงไงครับ เลยหาแรงบันดาลใจมากกว่า

 

Tickettail: แล้วพี่ปั๊ปเป็นคนชอบทำกิจกรรมอะไรในเวลาว่างคะ? ชอบเที่ยวที่ไหน?

 

ปั๊ป: ถ้ากิจกรรมส่วนตัว หลักๆจะมีประมาณ 3 อย่าง… (คิด) อย่างแรกก็คงเป็นการฝึกสมาธิ แบบนั่งสมาธิเลย วันละ 40 นาทีอะไรงี้ ถ้ามีเวลา… อย่างที่สองก็คงเป็นการหาแรงบันดาลใจตามโลกอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเอนิเมชั่น ดูพวกการ์ตูนญี่ปุ่น บางเรื่องมันมีสตอรี่ที่ดี มันก็เอามาปรับใช้ได้ เป็นแรงบันดาลใจทั้งในการแต่งเพลงแล้วก็การใช้ชีวิตด้วยครับ… อย่างที่สามก็เที่ยว ถ้าว่างก็ต้องล็อควัน ก็จะไปต่างประเทศ

 

image005 (2)

 

Tickettail: ชอบเที่ยวต่างประเทศมากกว่ารึเปล่าคะ?

 

ปั๊ป: จริงๆประเทศไทยก็ชอบนะ แต่ว่า คือบ้านผมอยู่เชียงใหม่ มันก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แล้ว ได้เที่ยวพวกดอยอะไรพวกนั้นอยู่แล้ว เราก็อยากไปเที่ยวที่อื่นบ้าง… ถ้าตอบตรงๆก็ชอบเที่ยวต่างประเทศมากกว่าแหละครับ แต่จริงๆก็ชอบมากๆแค่ประเทศเดียวแหละ คือประเทศญี่ปุ่น

 

Tickettail: ทำไมถึงชอบประเทศญี่ปุ่นคะ?

 

ปั๊ป: ก็ชอบรอบๆโตเกียว ที่ออกไปข้างนอกเมืองหน่อย คือเค้าจะมีวัฒนธรรมที่แข็งแรง แล้วก็ทุกคนมีระเบียบวินัย อันนี้ชอบ

 

image007 (3)image009 (2)

 

Tickettail: แต่ปกติแล้ว ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่น อย่างผู้หญิงเนี่ย ไปช้อปปิ้งกับไปกินแน่นอน แล้วผู้ชายหรือว่าตัวพี่ปั๊ปเองมักไปทำอะไรคะ?

 

ปั๊ป: ในแต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกันนะ บางทริปตั้งใจไปช้อปปิ้ง เราก็จะอยู่ในแต่โซนที่เค้าช้อปปิ้งกัน หรือทริปนี้เราจะนั่งรถเล่น เราก็จะนั่งรถไฟไปนอกเมือง อย่างไปดูสวนผลไม้นอกเมืองที่แบบจ่ายไม่กี่เยนก็เข้าไปดูไปกินผลไม้ในสวนได้แบบ infinity (หัวเราะ) แล้วก็ได้ถ่ายรูปเก็บกลับบ้านไรเงี้ย ได้ไปสัมผัสบรรยากาศคล้ายๆบ้านเรานี่แหละครับ แต่ไปที่นู่นคือจะเงียบๆ ไม่มีใครรู้จักเรา ไม่มีใครสนใจ ไปพักผ่อนให้เต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ ชิวครับ (ยิ้ม)

 

อ้อ! (ร้องดังมาก คนสัมภาษณ์ตกใจ T.T) จริงๆช่วงนี้ผมหันมาขี่จักรยานด้วยนะ (ยิ้ม)

 

Tickettail: จักรยานแนวไหนคะ?

 

ปั๊ป: จักรยานเสือหมอบครับ ขี่แบบทำความเร็ว ทำระยะ อะไรอย่างนี้ ขี่ทุกวันเลยครับ ขี่รอบๆหมู่บ้าน วันละ20-30 โลฯ ให้จังหวะการเต้นหัวมันคงที่อะไรแบบนี้อ่าครับ

 

image011 (4)

 

Tickettail: อะไรคือแรงกระตุ้นให้เราหันมาขี่จักรยานเสือหมอบคะ?

 

ปั๊ป: เบื่อวิ่งอ่าครับ (หัวเราะ) เมื่อก่อนวิ่งจ๊อกกิ้ง วิ่งเอาอึดอะไรเงี้ย เพราะว่าเราทำงานแบบนี้มันต้องใช้แรงอ่ะครับ แล้วถ้าร่างกายไม่สดชื่น ไม่ฟิต มันคิดงานไม่ค่อยออก เลยทำให้ร่างกายสดชื่นเข้าไว้… ก็ลดหน่อย… อบายมุก (หัวเราะ) ลดนิดนึง ออกกำลังกายด้วย ชีวิตจะได้สมดุล (หัวเราะอีกรอบ)

 

Tickettail: ปีใหม่ที่ผ่านมาได้ไปไหนมามั้ยคะ?

 

ปั๊ป: ตั้งแต่ออกอัลบั้มมา ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้หยุดนาน หยุดแบบไม่รับงาน อยู่กับบ้าน ปีนี้ก็เลยอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว

 

Tickettail: โปเตโต้หายไปนานเลย หายไปทำอะไรบ้างคะ? ซุ่มทำอะไรมาเซอร์ไพรส์แฟนๆรึเปล่า?

 

ปั๊ป: หายไปครึ่งปี… เกือบปี… หลักๆก็ทำอัลบั้มใหม่เลยแหละ ต้องรีสตาร์ทตัวเองใหม่ คือวงผมเป็นวงที่ประวัติไม่ค่อยดี ก็คือมีการเปลี่ยนสมาชิกบ่อย พอมีการเปลี่ยนสมาชิกบ่อย เปลี่ยนค่ายโปรโมทอีก ก็ทุกอย่างก็ต้องรื้อแล้วเริ่มใหม่ เลยต้องใช้เวลาปรับตัวกับมือกีต้าร์คนใหม่ ถึงแม้จะทำงานด้วยกันมานานแล้ว อยู่เป็นโปรดิวเซอร์ของเรามา 8-9 ปี แต่พอเข้ามาอยู่ในโหมดของศิลปิน เล่นกีต้าร์เนี่ย อาจจะต้องมีความคิดอีกแบบนึง ก็ต้องมานั่งปรับความคิดกัน กล่อมๆกัน เพราะคนทำงานเบื้องหลังจะแบบ strict นิดนึง perfect pitch(หัวเราะ) ต้องบอกให้เค้าเกร็งน้อยลง อย่าไปเครียดกับมันมาก เพราะผมว่าเวลาอัดดนตรี ถ้าเรามีอารมณ์ร่วมไปด้วย มันก็จะส่งออกมาให้เราได้ยินนะ

 

Tickettail: เห็นมีโปรเจ็ค On the way มันคืออัลบั้มใหม่ที่บอกรึเปล่าคะ?

 

ปั๊ป: ไม่ใช่ครับ อันนี้มันเกิดขึ้นเนื่องจากว่าทางค่ายคุยกับค่ายเวิร์คแก๊ง ว่าแบบ อยากทำมั้ยสารคดีวงโปเตโต้ เพราะวงเรามันก็ลุ่มๆดอนๆ ทำต่อไม่ทำต่อ คนเข้าคนออก มันก็มีเยอะอ่ะครับ เลยคิดว่าแบบลองทำมั้ย… ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจ แต่ประเด็นหลักก็คิดว่าเราทำเพื่อแฟนกลุ่มนึงที่เค้าดูเราอยู่ เค้าจะได้รู้จักเรามากขึ้นโดยที่เราไม่ต้องไปเล่าให้ฟังมากว่าเป็นยังไง คือเค้าจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วตื้นลึกหนาบางมันเป็นยังไง แล้วปัจจุบันเราไปถึงไหนแล้ว ทำอะไรกันอยู่

 

พอถ่ายสารคดีเสร็จ มานั่งตัดต่อ มานั่งดู เรารู้สึกว่ามันขาดเพลง ขาดดนตรีที่ประกอบสารคดีในแบบใหม่ๆ เพราะว่าในนั้นมันยังเป็นการเอาซาวด์เก่าๆของอัลบั้มในแต่ละยุคของเรามาใส่ ตัวผมเองรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ เลยรู้สึกว่าอยากทำอะไรใหม่ๆเพิ่มลงไป ก็เลยทำดนตรีขึ้นมาใหม่ โดยที่ตั้งใจว่าจะไม่ร้อง ตั้งใจให้เป็นดนตรีแบบemotional music ดนตรีประกอบหนัง ประกอบสารคดี แบบไม่ต้องมีเนื้อร้อง แต่พอทำเสร็จปุ๊ปก็มาคุยๆกันแล้วก็คิดว่า… น่าจะร้องนะ (หัวเราะ) พอตกลงกันได้แบบนี้ เราก็ต้องเขียนเพลง ก็เลยต้องทำออกมาเป็นซิงเกิ้ลต่างหากอีก 3 ซิงเกิ้ล แต่จริงๆมันคือเพลงๆเดียวนะ ชื่อเพลง “ระหว่างทาง” แต่จะยาวประมาณ 15 นาที แล้วแบ่งเป็น 3 พาร์ท พาร์ทเริ่มต้น พาร์ทระหว่างทาง แล้วก็พาร์ทที่สรุปว่าทั้งหมดคืออะไร… ก็ต้องลองไปฟังดู (ยิ้ม)
image017 (2)

 

Tickettail: จะหาฟังได้จากไหนคะ?

 

ปั๊ป: จะทำออกมาเป็นดีวีดีครับ วางแผง 24 มกราฯ แต่ว่าซีดีเพลงจะถูกใส่แยกใน box set อยู่แล้วด้วย

 

Tickettail: แล้วเรื่องอัลบั้มใหม่มีแนวโน้มว่าจะคลอดเมื่อไหร่อะไรยังไงคะ? ให้พี่ปั๊ปฝากนิดนึง

 

ปั๊ป: อันนี้… โอ้ว ตื่นเต้นเลย (มือจับอก) ก็กำลังขะมักเขม้นมากครับ กับอัลบั้มใหม่ ก็คิดว่าน่าจะเป็นกลางกุมภาฯเนี่ย อยากปล่อยเพลงใหม่ละ คิดว่าต้องเป็นกุมภาฯนี่แหละ ต้องปล่อยเพลงใหม่ละ ที่บอกว่าเราจะเป็นยังไง แล้วเรากำลังคิดอะไรอยู่ในปัจจุบัน

 

Tickettail: อัลบั้มใหม่แตกต่างจากเดิมยังไงคะ?

 

ปั๊ป: ถ้าในเรื่องของดนตรีก็แตกต่างนะ เพราะว่าเรื่องซาวด์ก็เปลี่ยน เรื่องเนื้อเพลงก็เปลี่ยน ก็คือมีการเพิ่มเติมในส่วนที่ปัจจุบันทันด่วนแบบที่เราเป็นมากขึ้น ปกติทำเพลงมันจะยากตรงที่ว่า…เรามักจะเอาอดีตมาคิดเยอะ คราวนี้เป็นเพลงที่ทำอยู่กับปัจจุบัน แบบ…ตอนนี้เรารู้สึกแบบนี้ เราทำเพลงแบบนี้กัน อะไรแบบนี้ เป็นอัลบั้มที่พิเศษที่สุดในชีวิตของผมเลย (ทำหน้าตื้นตันมาก)

 

Tickettail: แล้วงานคอนเสิร์ตมีรับบ้างมั้ยคะ?

 

ปั๊ป: ก็มีบ้างนะ จริงๆเร็วๆนี้เราก็จะมีไปทัวร์กับ Tros อยู่แล้ว เพราะผมเป็นพรีเซ็นเตอร์ทรอส แล้วต้องไปทัวร์กับเค้าในแต่ละจังหวัดด้วย ก็ลองดูตารางงานในเฟซบุ๊คได้… แล้วก็มีไปกับ M150 ครับ แต่ตามผับนี่ยัง ผมคิดว่าน่าจะเปิดรับงานอย่างเป็นทางการช่วงเมษา-พฤษภาอะไรประมาณนี้อ่ะครับ

 

Tickettail: ในบรรดาเพลงที่เคยทำมา เคยร้องมา ชอบเพลงในมากที่สุด?

 

ปั๊ป: ถ้าชอบมากที่สุดเลยจริงๆคงจะเป็น “ระหว่างทาง” โปรเจ็ค On the way เนี่ยแหละครับ เพราะมันเป็นตัวตนของเรามากที่สุด เพลงมันอาจจะฟังยากนิดนึง อาจจะไม่เหมาะกับตลาด mass เลยไม่ได้เอามาทำเป็นอัลบั้มจริงจัง แต่ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ออกมาจากอินเนอร์ของพวกเราสุดๆแล้วล่ะครับ ต้องลองไปฟังดูจริงๆ (ยิ้ม)

 

Tickettail: สุดท้ายนี้ให้พี่ปั๊ปฝากทิ้งท้ายผลงานถึงแฟนๆหน่อยค่ะ

 

ปั๊ป: ได้ครับ ก็…อัลบั้มใหม่นี้เป็นอะไรที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ทุกคนในวงแล้วก็ทีมงานด้วย เราทุกคนขะมักเขม้นกับมันมาก ก็จะฝากว่าเดือนกุมภาฯนี้รอติดตามเพลงใหม่ของพวกผมด้วย ยังไงถ้าคิดถึงกันก็ลองเข้าไปแวะชมที่เฟซบุ๊คก่อน www.facebook.com/potatoband ก็มีอัพเดทเรื่อยๆว่ากำลังทำอะไรอยู่ครับ และเร็วๆนี้คงได้เจอกัน 🙂

 

 

image012 (6)

ติดตาม Tickettail บนเฟซบุคได้ที่ www.facebook.com/tickettail

 

ใครที่คิดถึงวงโปเตโต้อดใจรอกันอีกนิดนะคะ 24 มกราฯ นี้ซื้อดีวีดี สารคดี On the way ไปก่อนเนอะ จะได้ลองฟังดูว่าเพลงที่พี่ปั๊ปบอกว่ากลั่นออกมาจากอินเนอร์จริงๆแล้วเป็นยังไง ส่วนอัลบั้มใหม่ พี่ปั๊ปคอนเฟิร์มแล้วว่ากุมภาฯนี้ได้ฟังเพลงใหม่แน่นอนจ้า!

 

Tail’s Quote: จิตใจคนเรามันจะค่อยๆตกลงไปตามแรงโน้มถ่วงโลก เราเลยต้องฝึกจิตฝึกสมาธิเอาไว้ จะได้รักษาให้จิตใจอยู่ในระดับเดิมและมั่นคง (คำคมจากพี่ปั๊ป-โปเตโต้)

มุมสบายๆของโรส-ศิรินทิพย์ นักร้องผู้รักธรรมชาติ

มีโอกาสได้มาเจอพี่โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ ทั้งที Tickettail ก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปเม้าท์มอยกับพี่โรสเกี่ยวกับงานอดิเรกหรือกิจกรรมยามว่างของเธอ

 

โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์

 

image009 (1)

 

 

พอบอกพี่โรสว่าจะขอสัมภาษณ์ไปลงเว็บ Tickettail พี่โรสก็ถามต่อมาเลยว่ามันคือเว็บอะไรหรอ เราก็เลยจัดไปกับคำถามเดิมที่ว่า พี่โรสได้ยินคำว่า Tickettail ครั้งแรกแล้วนึกถึงอะไร

 

โรส: นึกถึงหางตั๋ว… นึกถึงการดูหนัง แบบ… ฉีกหางตั๋วแล้วเอาที่เหลือไปดูหนังได้ (หัวเราะแล้วทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่างงที่ตัวเองตอบ หรืองงกับชื่อเว็บเรานะคะ อิอิ)

 

Tickettail: ก็ถูกประมาณนึงนะคะ ^^ เว็บไซต์เราเกี่ยวข้องกับตั๋วแน่นอนค่ะ แต่จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตั๋วหนัง เพราะเว็บเราเป็นศูนย์รวบรวมกิจกรรมและอีเว้นท์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นงานคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา หรือแม้กระทั่งกิจกรรม Meet&Greet ทางเว็บเราก็จะเอามาช่วยโปรโมทค่ะ เพื่อที่ว่าเวลาคนที่ว่างๆเบื่อๆอยากหาอะไรทำ ก็สามารถมาใช้บริการที่เว็บเราได้

 

โรส: (พยักหน้า) อ๋อค่ะ

 

Tickettail: เลยจะมาพี่โรสหน่อยค่ะว่าปกติแล้วพี่โรสใช้เวลาว่างของตัวเองยังไง? ได้ไปทำกิจกรรมอะไรที่ไหนบ้างรึเปล่า? จะได้ให้แฟนคลับได้รู้จักอีกด้านนึงของพี่โรสนอกจากการร้องเพลงน่ะค่ะ

 

โรส: ปกติแล้ว…(คิด) ช่วงนี้ถ้าว่างจะเปิดคอมดูแลแฟนเพจตัวเองน่ะค่ะ ดูว่ามีแฟนคลับคนไหนมาคุยด้วยบ้าง หรือเจออะไรน่าสนใจอยากจะแชร์ให้แฟนคลับอะไรแบบนี้น่ะค่ะ ก็ทั่วๆไปนะคะ เล่นFacebook ดู Youtube

 

แต่ถ้ารู้สึกว่าอยากจะออกไปข้างนอก ก็จะมีไปดูหนัง… แต่ถ้ามีเวลาหน่อยอยากไปทะเล ชอบไปทะเล รู้สึกว่าเวลาเห็นน้ำใสๆสวยๆแล้วมันสบายใจดี

 

Tickettail: เท่าที่ไปทะเลมา พี่โรสชอบทะเลที่ไหนมากที่สุดคะ?

 

โรส: ชอบหลีเป๊ะค่ะ… สวยที่สุด ^^

 

Tickettail: แล้วได้ไปทำอะไรที่นั่นบ้างคะ? นอนเล่นอ่านหนังสือ เดินชายหาด หรือดำน้ำดูปะการัง?

 

โรส: ตอนนั้นที่ไป คือไปกับคลื่นวิทยุค่ะ เค้าก็จัดกิจกรรมให้ทำค่ะ นั่งเรือไปดำน้ำ ดูปะการัง ดูปลา ดูหาดทราย ใสสวยเลยค่ะ ได้ไปหลายๆเกาะ รู้สึกชอบมาก ตอนนั้นน่าจะประมาณ 4-5 ปีได้แล้ว แล้วรู้สึกว่าไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้เลย… แบบเราน่าจะออกมาดูประเทศให้มากกว่านี้เนอะ เพราะประเทศไทยมีหลายที่ที่เราไม่เคยไป แล้วมันสวยมาก สวยจนชาวต่างชาติต้องมาดู แล้วรู้สึกว่ามัน “เจ๋ง” อ่ะ ประเทศเรามีดีกว่าที่เราคิดไว้อีกเยอะเลย

 

Tickettail: แล้วตอนนั้นที่ไปดำน้ำต้องมีการเตรียมตัวอะไรยังไงบ้างรึเปล่าคะ?

the-caves-norman-island-9  โรส: โรสไปแค่ Snorkeling อ่ะค่ะ ยังไม่ได้ถึงกับดำน้ำลึก แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากลอง เพราะโรสว่ามัน… น่าจะสงบดีเนอะ (หันมาถามความเห็น) การแบบได้ลงไปดำน้ำ ไม่ได้ยินอะไรเลย แต่เราต้องใช้เซนซ์ในการมองอย่างเดียวว่าตรงนี้มีอะไร แล้วโรสเป็นคนที่ชอบดูสัตว์ที่ไม่โดนขังอยู่ สัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติอย่างอิสระ คือ…อะไรที่มาแบบไม่ได้ตั้งใจจะรู้สึกว่ามันพิเศษมาก เพราะเราไม่ได้ “เตี๊ยม” กันไง (มันเตี๊ยมกับสัตว์ได้ด้วยหรอ O_o) แบบบางทีเราดำน้ำไปแล้วมันว่ายน้ำมาทักโน่นนี่ ที่อยากเห็นมากเลยคือปลาฉลาม อยากเห็นมากกก 

มีอยู่ครั้งนึงโรสไปเที่ยวมัลดีฟ แล้วน้ำใสมากกกก.. ใสมากๆ (เน้นเสียงซะจนอยากไปบ้างเลย T_T) แล้วที่พักก็จะอยู่บนน้ำ โรสก็จะคอยดูทุกวันว่าจะมีปลากระเบนว่ายมามั้ย มีปลาฉลามมั้ย… ได้เห็นลูกปลาฉลามว่ายมา แล้วรู้สึกว่ามันเจ๋งมาก แล้วเราอยากเห็นมากกว่านี้ ซึ่งนานน๊านมันจะว่ายมาที แล้วเราก็จับภาพไม่ทัน เราก็รู้สึกว่าแบบอยากเห็นอ่ะ อะไรก็ตามที่มันไม่ได้พบเห็นง่ายๆ สิ่งที่มันสวยงามตามธรรมชาติ

 

Tickettail: พี่โรสเองเป็นศิลปิน เป็นนักร้อง… ปกติได้ไปงานคอนเสิร์ตบ้างมั้ยคะ? หรือว่าตัวเองคลุกคลีอยู่กับวงการดนตรีมาตลอดแล้ว เลยอยากหาอย่างอื่นทำบ้าง?

 

โรส: ไปบ้างค่ะ แต่ส่วนใหญ่คอนเสิร์ตที่โรสอยากไปดู จะเป็นวันที่โรสติดงานเสมอ (หัวเราะ) คือประเทศไทยจะชอบจัดงานตรงกัน ตามเทศกาลอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่คอนเสิร์ตจะมาตู้ม! วันเดียวกัน อย่างคอนเสิร์ตของJason Mraz โรสก็ไม่ได้ไป (ทำหน้าเสียดาย) เพราะว่าติดงานของตัวเอง

 

Tickettail: ส่วนตัวชอบดูคอนเสิร์ตของศิลปินไทยหรือต่างชาติคะ?

 

โรส: ถ้ามีโอกาสอยากไปหมดเลยค่ะ ด้วยความที่เราเป็นศิลปิน เราก็อยากรู้หมดเลยว่าคนอื่นเค้าทำยังไงในคอนเสิร์ตเค้า มีข้อดีข้อเสียอะไร เวลาเราทำเองจะได้รู้ว่าเราควรทำสิ่งนี้ไม่ควรทำสิ่งนี้ อะไรแบบนี้

 

Tickettail: ปีใหม่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปไหนรึเปล่าคะ?

 

โรส: อยู่บ้านค่ะ อยู่กับเพื่อนๆพี่ๆที่รักกัน เค้าท์ดาวน์ด้วยกันที่บ้าน ไม่ได้ไปไหนเลย แต่ก็รู้สึกว่าเป็นปีใหม่ที่ดีนะ ถึงจะไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน แต่ก็ได้ใช้ชีวิตกับคนใกล้ตัว ได้พูดคุยพบปะสังสรรค์ นั่งร้องเพลง สนุกดี

 

Tickettail: เห็นว่าช่วงวาเลนไทน์เดือนหน้าจะมีงานคอนเสิร์ตริมชายหาดใช่มั้ยคะ? ฝากเชิญชวนแฟนๆหน่อยค่ะ

 

โรส: ใช่ค่ะ มีงานคอนเสิร์ตของทาง A-time งาน Featuring Night ที่พัทยา วันที่ 16 ก.พ. จริงๆงานวันนั้นจะมีศิลปินไปเยอะมากนะ มีประมาณ 3 แนว มี easy listening มีแดนซ์ แล้วก็มีร็อค ส่วนถ้าเป็นแนวของโรสก็จะมีพี่แหนม พี่เอ๊ะ-จิรากร เบล-สุพล พี่ลุลา พี่ลูกหว้า อะไรอย่างนี้ ก็จะมาร้องช่วงหัวค่ำ ฟังสบายๆก็มานั่งฟังกันคอนเสิร์ตนี้โรสว่าคุ้มมาก เพราะบัตรนึง 1500 บาท สองใบก็ 2500 บาทเอง แต่ฟังได้สามแนวสามอารมณ์ แล้วศิลปินก็มากันเยอะมาก พอหมดจากช่วงค่ำไปก็มีช่วงแดนซ์ ก็จะมีน้องฮั่นเดอะสตาร์ น้องแกรนด์ มีเป็กมีอ๊อฟ กลางคืนดึกๆหน่อยก็จะมีขาร็อค พี่Big Ass กับพี่ Modern Dog 1

 

ใครที่ยังว่างแล้วก็เครียดมาก อยากไปปลดปล่อยผ่อนคลาย คอนเสิร์ตนี้เหมาะมาก หรือใครอยากจะซื้อของขวัญวาเลนไทน์ให้แฟนก็ซื้อตั๋วเลยค่ะ แล้วก็ไป “ฟีเจอริ่ง” กัน (หัวเราะ… พูดเองเขินเอง) ที่ Ocean Marinaพัทยา เริ่มตั้งแต่ 5-6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนเลย จองตั๋วได้แล้วที่ Thaiticketmajor เมื่อวานเห็นว่าโซน A เต็มแล้ว ถ้าอยากไปดูก็รีบจองค่ะ

 

Tickettail: ฝากพี่โรสอวยพรปีใหม่ให้แฟนคลับแล้วชาว Tickettail ด้วยค่ะ

 

โรส: ปีใหม่นี้นะคะ ก็เป็นปีที่หลายๆคนไม่คาดคิดว่าจะยังมีอยู่นะคะ (หัวเราะ) ไม่ได้แตกไปตามที่ชาว Mayanเค้าคาดการณ์ไว้นะคะ ก็ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติ อยู่ด้วยความเข้าใจ แล้วก็อยากทำอะไรก็รีบทำ เราไม่รู้จริงๆว่าเค้าอาจจะเลื่อนวันโลกแตกไปเป็นปีนี้ก็ได้ (หัวเราะ) จริงๆเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาอยู่บนโลกนี้อีกนานเท่าไหร่ อยากจะทำอะไรก็รีบทำ อยากเรียนอะไรก็รีบเรียน อยากบอกอะไรใครก็รีบบอก ก็ขอให้ปีนี้ทุกคนมีรอยยิ้มให้กันเยอะๆละกันค่ะ ^_^

 

image007 (1)